ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ16ทีม สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ16ทีม สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ16ทีม

ตาราง ยูโร 2024 รอบคัดเลือก คืนวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย. 2567 เวลา 23.00 (เวลาประเทศไทย) สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ภายใต้การนำของกุนซือ มูรัต ยาคิน มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งในทุกตำแหน่ง เริ่มจากผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง ยาน ซอมเมอร์ ที่มี กริกอรี โคบิล และ โยนาส โอมลิน คอยเป็นตัวสำรอง
แนวรับของทีมมีความแข็งแกร่งด้วยนักเตะมากประสบการณ์อย่าง กรานิต ชาก้า, ไนเจล เอลเวเดีย และ มานูเอล อคานญี่ เป็นแกนหลัก แดนกลางของทีมมีความสมดุลทั้งเกมรุกและรับ นำโดย เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีทักษะการสร้างสรรค์เกม ผสานกับความแข็งแกร่งของ เดนิส ซากาเรีย และความคล่องตัวของ ยาน คาราโมห์
ส่วนแนวรุกนั้นมีความอันตรายสูง โดยมี ฮาริส เซเฟโรวิช เป็นหัวหอกตัวเป้า คอยทำงานร่วมกับ บรีล เอ็มโบโล่ ดาวยิงพลังแรงและ เซดริค อิเตน ปีกความเร็วสูง

วิเคราะห์ สวิตเซอร์แลนด์

สวิตเซอร์แลนด์เกือบสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ แต่ถูกเยอรมนีตีเสมอในนาทีสุดท้าย 1-1 ขณะที่อิตาลีก็โชว์ความเหนียวไม่แพ้กัน ด้วยการยิงประตูตีเสมอโครเอเชียในวินาทีสุดท้าย 2-2
ทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม โดยสวิตเซอร์แลนด์ไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนอิตาลีมีสถิติชนะ เสมอ แพ้ อย่างละ 1 นัด
สำหรับเกมนี้ ทั้งสองทีมต้องเผชิญกับปัญหาผู้เล่นติดโทษแบน สวิตเซอร์แลนด์จะขาด ซิลวาน วิดเมอร์ วิงแบ็คขวาตัวหลัก โดยอาจให้ แดน เอ็นดอย ถอยมาเล่นในตำแหน่งนี้แทน พร้อมดึง เซอร์ดาน ชากิรี มาช่วยสร้างเกมรุก
ด้านอิตาลีก็ต้องขาด ริคคาร์โด คาลาฟิออรี แนวรับฟอร์มดีที่ติดโทษแบนเช่นกัน ทำให้ จานลูกา มันชินี น่าจะได้ออกสตาร์ทคู่กับ อเลสซานโดร บาสโตนี ส่วนแนวรุกยังนำโดย เฟเดริโก้ เคียซา, มาเตโอ เรเตกี และ มัตเตีย ซัคคาญี
เกมนี้คาดว่าจะเป็นการปะทะกันที่สูสีและน่าติดตาม โดยทั้งสองทีมต่างมีจุดแข็งและข้อจำกัดของตัวเอง การปรับแผนรับมือกับปัญหาผู้เล่นติดแบนอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลการแข่งขัน

ผลงาน 5 นัดล่าสุด:

23 มิถุนายน 2567: เสมอกับเยอรมนี 1-1 (สนามกลาง) ในศึกยูโร 2024
20 มิถุนายน 2567: เสมอกับสกอตแลนด์ 1-1 (สนามกลาง) ในศึกยูโร 2024
15 มิถุนายน 2567: เอาชนะฮังการี 3-1 (สนามกลาง) ในศึกยูโร 2024
8 มิถุนายน 2567: เสมอกับออสเตรีย 1-1 (เหย้า) ในเกมกระชับมิตร
5 มิถุนายน 2567: เอาชนะเอสโตเนีย 4-0 (เหย้า) ในเกมกระชับมิตร

สรุป: ชนะ 2, เสมอ 3, แพ้ 0

 

อิตาลี

ทีมชาติอิตาลีภายใต้การคุมทีมของ ลูเซียโน่ สปัลเลตติ ประกอบด้วยผู้เล่นที่มีความสามารถหลากหลาย แบ่งตามตำแหน่งได้ดังนี้:
ผู้รักษาประตู:

จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
อเล็กซ์ เมเร็ท
กูเยลโม่ วิคาริโอ

กองหลัง:

อเลสซานโดร บาสโตนี่
ราโอล เบลลาโนวา
อเลสซานโดร บวนจอร์โน่
ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่
อันเดรีย คัมเบียโซ่
มัตเตโอ ดาร์เมียน
โจวานนี่ ดิ โลเรนโซ่
เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้
จานลูก้า มันชินี่
เฟเดริโก้ กัตติ

กองกลาง:

นิโคโล่ บาเรลล่า
ไบรอัน คริสตันเต้
นิโคโล่ ฟาโจลี่
มิคาเอล โฟโลรุนโช่
ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่
จอร์จินโญ่
โลเรนโซ่ เปลเลกรินี่

กองหน้า:

เฟเดริโก้ เคียซ่า
สเตฟาน เอล ชาราวี่
จาโคโม่ ราสปาโดรี่
มาเตโอ เรเตกี
จานลูก้า สคามัคคา
มัตเตีย ซัคคานญี่

วิเคราะห์ อิตาลี

ทีมชาติอิตาลีมีผลงานไม่โดดเด่นในรอบแบ่งกลุ่ม จบอันดับ 2 ของกลุ่ม B ด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 เก็บได้ 4 คะแนน ตาม ตาราง ยูโร 2024 รอบคัดเลือก พวกเขาจะเจอกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในรอบต่อไปที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน
ทัพ “อัซซูรี่” ภายใต้การคุมทีมของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ จะขาด ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ กองหลังคนสำคัญที่ติดโทษแบน คาดว่า จานลูก้า มันชินี่ จะได้โอกาสลงสนามแทน
การจัดทัพน่าจะใช้ระบบ 3-5-2 โดยมี จอร์จินโญ่ และ นิโคโล่ บาเรลล่า คุมเกมในแดนกลาง ส่วนแนวรุกจะเป็นคู่หน้า เฟเดริโก้ เคียซ่า กับ จานลูก้า สกามัคก้า

ผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุด:

ยูโร 2024 (24/06/24): เสมอ โครเอเชีย 1-1 (สนามกลาง)
ยูโร 2024 (20/06/24): แพ้ สเปน 0-1 (สนามกลาง)
ยูโร 2024 (15/06/24): ชนะ แอลเบเนีย 2-1 (สนามกลาง)
กระชับมิตร (09/06/24): ชนะ บอสเนีย 1-0 (เหย้า)
กระชับมิตร (04/06/24): เสมอ ตุรกี 0-0 (เหย้า)

สรุปผลงาน: ชนะ 2, เสมอ 2, แพ้ 1

ยูโร 2024 ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์ คว้าแชมป์กลุ่ม D ขณะที่ทีมใหญ่ฟอร์มไม่แน่นอน

ยูโร 2024 ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์ คว้าแชมป์กลุ่ม D ขณะที่ทีมใหญ่ฟอร์มไม่แน่นอน

ผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบสุดท้ายของกลุ่ม

กลุ่ม D ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์
ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ได้เข้าสู่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยไฮไลท์อยู่ที่การแข่งขันในกลุ่ม D
ออสเตรียสร้างความประหลาดใจด้วยการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 3-2 ในเกมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เริ่มต้นด้วยการนำ 1-0 จากประตูทำเข้าประตูตัวเองของ ดอนเยล มาเล่น ในนาทีที่ 6 แม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะตามตีเสมอได้สองครั้งจาก โกดี คักโป และ เมมฟิส เดอปาย แต่ออสเตรียก็สามารถเอาชนะได้ด้วยประตูชัยจาก มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ในนาทีที่ 81
ในอีกคู่หนึ่งของกลุ่ม D ฝรั่งเศสเสมอกับโปแลนด์ 1-1 โดย คีเลียน เอ็มบัปเป กลับมาลงสนามและทำประตูจากจุดโทษ ขณะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ยิงประตูตีเสมอให้กับโปแลนด์
ผลการแข่งขันทำให้ออสเตรียคว้าแชมป์กลุ่มด้วย 6 คะแนน ตามด้วยฝรั่งเศสอันดับสอง 5 คะแนน และเนเธอร์แลนด์อันดับสาม

กลุ่ม C การแข่งขันที่ไร้ประตู

ในกลุ่ม C การแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ทั้งสองคู่ โดยอังกฤษเสมอกับสโลวีเนีย และเดนมาร์กเสมอกับเซอร์เบีย
อังกฤษคว้าแชมป์กลุ่มด้วย 5 คะแนน ส่วนเดนมาร์กและสโลวีเนียมีคะแนนเท่ากันที่ 3 คะแนน ทำให้ต้องตัดสินด้วยคะแนนแฟร์เพลย์ ซึ่งเดนมาร์กได้อันดับสองเนื่องจากมีใบเหลืองน้อยกว่า
การจับคู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทีมที่ผ่านเข้ารอบ

ออสเตรีย (แชมป์กลุ่ม D)
ฝรั่งเศส (รองแชมป์กลุ่ม D)
เนเธอร์แลนด์ (อันดับ 3 กลุ่ม D)
อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม C)
เดนมาร์ก (รองแชมป์กลุ่ม C)
สโลวีเนีย (อันดับ 3 กลุ่ม C)

การจับคู่ที่ทราบแล้ว

ออสเตรีย vs รองแชมป์กลุ่ม F
ฝรั่งเศส vs รองแชมป์กลุ่ม E
เนเธอร์แลนด์ vs แชมป์กลุ่ม (รอการจับสลาก)
อังกฤษ vs ทีมอันดับ 3 (รอการจับสลาก)
เดนมาร์ก vs เยอรมนี (เจ้าภาพ)
สโลวีเนีย vs แชมป์กลุ่ม (รอการจับสลาก)

การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเริ่มขึ้นหลังจากการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มสิ้นสุดลง โดยทีมที่ผ่านเข้ารอบจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ที่ทุกเกมมีความสำคัญ เนื่องจากทีมที่แพ้จะต้องตกรอบทันที

วิเคราะห์ผลการแข่งขันและมุมมองสู่รอบต่อไป
ประเด็นสำคัญจากรอบแบ่งกลุ่ม
ฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอของทีมใหญ่
ทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมแสดงฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างเช่นเนเธอร์แลนด์ที่พลาดท่าพ่ายออสเตรียในนัดสุดท้าย ทำให้ตกไปอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม หรือฝรั่งเศสที่เสมอกับโปแลนด์ซึ่งตกรอบไปแล้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่มีทีมไหนที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทุกทีมต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ดีในทุกนัด
การแข่งขันที่สูสีในกลุ่ม C
กลุ่ม C จบลงด้วยความสูสีอย่างมาก เมื่อเดนมาร์กและสโลวีเนียมีคะแนนเท่ากัน และต้องตัดสินด้วยคะแนนแฟร์เพลย์ สะท้อนให้เห็นถึงความใกล้เคียงกันของทีมในกลุ่มนี้ และความสำคัญของวินัยในการเล่น
คาดการณ์การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
คู่ที่น่าจับตามอง

เดนมาร์ก vs เยอรมนี: เป็นการพบกันระหว่างทีมรองแชมป์กลุ่ม C กับเจ้าภาพ ซึ่งน่าจะเป็นเกมที่สูสีและเร้าใจ
อังกฤษ vs ทีมอันดับ 3: แม้ยังไม่รู้คู่แข่งแน่ชัด แต่อังกฤษในฐานะแชมป์กลุ่ม C จะเป็นทีมที่ถูกจับตามองว่าจะสามารถเข้ารอบลึกได้หรือไม่

โอกาสของทีมน้อยใหญ่
ออสเตรียสร้างความประหลาดใจด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม D ทำให้มีโอกาสเข้ารอบลึกมากขึ้น ในขณะที่ทีมอย่างสโลวีเนียที่ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ก็มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน

สรุป

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ในรอบแบ่งกลุ่มได้จบลงด้วยความตื่นเต้นและหลายเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทั้งการสร้างเซอร์ไพรส์ของทีมรองบ่อน และฟอร์มที่ไม่แน่นอนของทีมใหญ่ ส่งผลให้การคาดการณ์ผลการแข่งขันในรอบต่อไปเป็นไปได้ยาก
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทุกทีมจะต้องแสดงฟอร์มที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นรอบน็อคเอาท์ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว การเตรียมทีมทั้งด้านร่างกายและจิตใจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวไปสู่รอบต่อไป
แฟนบอลทั่วยุโรปและทั่วโลกต่างรอคอยที่จะได้ชมการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเต็มไปด้วยเกมคุณภาพสูงและความตื่นเต้นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

วิธีแทงบอลสเต็ป
การแทงบอลสเต็ป หรือที่เรียกว่าพนันบอลชุด คือการแทงบอลหลายคู่พร้อมกัน โดยต้องทายผลให้ถูกทุกคู่เพื่อรับเงินรางวัล หากทายผิดเพียงคู่เดียวก็เสียเงินเดิมพันทั้งหมด การแทงบอลสเต็ปมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้รับเงินรางวัลที่คุ้มค่า เป็นวิธีการแทงบอลที่ผู้เล่นเลือกแทงหลายคู่พร้อมกัน โดยต้องทายผลให้ถูกทุกคู่เพื่อรับเงินรางวัล หากทายผิดเพียงคู่เดียวก็เสียเงินเดิมพันทั้งหมด