ยูโร 2024 ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์ คว้าแชมป์กลุ่ม D ขณะที่ทีมใหญ่ฟอร์มไม่แน่นอน

ยูโร 2024 ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์ คว้าแชมป์กลุ่ม D ขณะที่ทีมใหญ่ฟอร์มไม่แน่นอน

ผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบสุดท้ายของกลุ่ม

กลุ่ม D ออสเตรียสร้างเซอร์ไพรส์
ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ได้เข้าสู่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยไฮไลท์อยู่ที่การแข่งขันในกลุ่ม D
ออสเตรียสร้างความประหลาดใจด้วยการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 3-2 ในเกมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เริ่มต้นด้วยการนำ 1-0 จากประตูทำเข้าประตูตัวเองของ ดอนเยล มาเล่น ในนาทีที่ 6 แม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะตามตีเสมอได้สองครั้งจาก โกดี คักโป และ เมมฟิส เดอปาย แต่ออสเตรียก็สามารถเอาชนะได้ด้วยประตูชัยจาก มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ในนาทีที่ 81
ในอีกคู่หนึ่งของกลุ่ม D ฝรั่งเศสเสมอกับโปแลนด์ 1-1 โดย คีเลียน เอ็มบัปเป กลับมาลงสนามและทำประตูจากจุดโทษ ขณะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ยิงประตูตีเสมอให้กับโปแลนด์
ผลการแข่งขันทำให้ออสเตรียคว้าแชมป์กลุ่มด้วย 6 คะแนน ตามด้วยฝรั่งเศสอันดับสอง 5 คะแนน และเนเธอร์แลนด์อันดับสาม

กลุ่ม C การแข่งขันที่ไร้ประตู

ในกลุ่ม C การแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ทั้งสองคู่ โดยอังกฤษเสมอกับสโลวีเนีย และเดนมาร์กเสมอกับเซอร์เบีย
อังกฤษคว้าแชมป์กลุ่มด้วย 5 คะแนน ส่วนเดนมาร์กและสโลวีเนียมีคะแนนเท่ากันที่ 3 คะแนน ทำให้ต้องตัดสินด้วยคะแนนแฟร์เพลย์ ซึ่งเดนมาร์กได้อันดับสองเนื่องจากมีใบเหลืองน้อยกว่า
การจับคู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทีมที่ผ่านเข้ารอบ

ออสเตรีย (แชมป์กลุ่ม D)
ฝรั่งเศส (รองแชมป์กลุ่ม D)
เนเธอร์แลนด์ (อันดับ 3 กลุ่ม D)
อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม C)
เดนมาร์ก (รองแชมป์กลุ่ม C)
สโลวีเนีย (อันดับ 3 กลุ่ม C)

การจับคู่ที่ทราบแล้ว

ออสเตรีย vs รองแชมป์กลุ่ม F
ฝรั่งเศส vs รองแชมป์กลุ่ม E
เนเธอร์แลนด์ vs แชมป์กลุ่ม (รอการจับสลาก)
อังกฤษ vs ทีมอันดับ 3 (รอการจับสลาก)
เดนมาร์ก vs เยอรมนี (เจ้าภาพ)
สโลวีเนีย vs แชมป์กลุ่ม (รอการจับสลาก)

การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเริ่มขึ้นหลังจากการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มสิ้นสุดลง โดยทีมที่ผ่านเข้ารอบจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ที่ทุกเกมมีความสำคัญ เนื่องจากทีมที่แพ้จะต้องตกรอบทันที

วิเคราะห์ผลการแข่งขันและมุมมองสู่รอบต่อไป
ประเด็นสำคัญจากรอบแบ่งกลุ่ม
ฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอของทีมใหญ่
ทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมแสดงฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างเช่นเนเธอร์แลนด์ที่พลาดท่าพ่ายออสเตรียในนัดสุดท้าย ทำให้ตกไปอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม หรือฝรั่งเศสที่เสมอกับโปแลนด์ซึ่งตกรอบไปแล้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่มีทีมไหนที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทุกทีมต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ดีในทุกนัด
การแข่งขันที่สูสีในกลุ่ม C
กลุ่ม C จบลงด้วยความสูสีอย่างมาก เมื่อเดนมาร์กและสโลวีเนียมีคะแนนเท่ากัน และต้องตัดสินด้วยคะแนนแฟร์เพลย์ สะท้อนให้เห็นถึงความใกล้เคียงกันของทีมในกลุ่มนี้ และความสำคัญของวินัยในการเล่น
คาดการณ์การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
คู่ที่น่าจับตามอง

เดนมาร์ก vs เยอรมนี: เป็นการพบกันระหว่างทีมรองแชมป์กลุ่ม C กับเจ้าภาพ ซึ่งน่าจะเป็นเกมที่สูสีและเร้าใจ
อังกฤษ vs ทีมอันดับ 3: แม้ยังไม่รู้คู่แข่งแน่ชัด แต่อังกฤษในฐานะแชมป์กลุ่ม C จะเป็นทีมที่ถูกจับตามองว่าจะสามารถเข้ารอบลึกได้หรือไม่

โอกาสของทีมน้อยใหญ่
ออสเตรียสร้างความประหลาดใจด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม D ทำให้มีโอกาสเข้ารอบลึกมากขึ้น ในขณะที่ทีมอย่างสโลวีเนียที่ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ก็มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน

สรุป

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ในรอบแบ่งกลุ่มได้จบลงด้วยความตื่นเต้นและหลายเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทั้งการสร้างเซอร์ไพรส์ของทีมรองบ่อน และฟอร์มที่ไม่แน่นอนของทีมใหญ่ ส่งผลให้การคาดการณ์ผลการแข่งขันในรอบต่อไปเป็นไปได้ยาก
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทุกทีมจะต้องแสดงฟอร์มที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นรอบน็อคเอาท์ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว การเตรียมทีมทั้งด้านร่างกายและจิตใจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวไปสู่รอบต่อไป
แฟนบอลทั่วยุโรปและทั่วโลกต่างรอคอยที่จะได้ชมการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเต็มไปด้วยเกมคุณภาพสูงและความตื่นเต้นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

วิธีแทงบอลสเต็ป
การแทงบอลสเต็ป หรือที่เรียกว่าพนันบอลชุด คือการแทงบอลหลายคู่พร้อมกัน โดยต้องทายผลให้ถูกทุกคู่เพื่อรับเงินรางวัล หากทายผิดเพียงคู่เดียวก็เสียเงินเดิมพันทั้งหมด การแทงบอลสเต็ปมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้รับเงินรางวัลที่คุ้มค่า เป็นวิธีการแทงบอลที่ผู้เล่นเลือกแทงหลายคู่พร้อมกัน โดยต้องทายผลให้ถูกทุกคู่เพื่อรับเงินรางวัล หากทายผิดเพียงคู่เดียวก็เสียเงินเดิมพันทั้งหมด

การบ้านหลังเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ของลิเวอร์พูล

การบ้านหลังเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ของลิเวอร์พูล

จบลงไปแบบสนุก มันส์ ระดับ 5 เต็ม 5 แบบไม่ต้องหักอะไรเลย สำหรับเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์เกมล่าสุดที่ทำให้แฟนบอลที่รอมานานถือว่าคุ้มค่าการรอคอยมาก ยิ่งในเกมที่ผลเสมอ 2-2 ถือว่าเหมาะสมทั้งสองฝ่าย แม้ว่าฝั่งลิเวอร์พูลอาจจะบ่นอุบกันสักหน่อยว่าเค้าน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า ถ้าหากไม่โดนริบคืนไปจาก VAR หลังจบเกมนี้เรามาดูกันว่า มีการบ้านอะไรบ้างที่ลิเวอร์พูลต้องรีบไปทำ

การป้องกันลูกกลางอากาศ

ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่เค้าขาด เวอร์ กิล ฟานไดค์ กองกลางตัวหลัก จะทำให้กองหลังที่เหลือดูจะสับสนมากกับการเล่นลูกกลางอากาศ ลูกแรกเห็นชัดเลยว่าพวกเค้าไม่สามารถประกบไมเคิล คีน ที่ตัวใหญ่กว่าได้ หรือ ลูกที่โดนยิงครั้งที่สองเป็นลูกโด่งที่โยนมาแบบไม่มีอะไรเลย แต่พอลูกมันจะตกถึงระยะโหม่งได้นั้น พวกเค้ากลับโดนเบียดเพื่อสร้างพื้นที่โหม่งไปแทน เจอแบบนี้เข้าไปกลายเป็นสูตรสำเร็จโดนยิงที่ต้องรีบแก้ ไม่งั้นเกมต่อไปถ้าขาด ฟานไดค์ มีสิทธิ์โดนบอมบ์ลูกโด่งใส่ทั้งเกม

ธิอาโก้ + สามเทพหน้า

การเข้ามาของ ธิอาโก อัลคันทาร่า มาเพื่อเป็นการสนับสนุน สามประสานแดนหน้าของทีมอย่าง เฟอร์มิโน่, มาเน่และ ซาลาห์ เพื่อให้ทั้งสามคนเล่นได้ง่ายมากขึ้น แต่เท่าที่ดู การประสานงานกันระหว่าง ธิอาโก้ กับ สามเทพแดนหน้า ยังไม่เนียนตาเท่าไร หลายจังหวะเหมือนให้กันไม่ถูกใจ ไม่ถูกช่อง ทำให้เสียจังหวะการบุกไปแบบไม่ได้ลุ้น แต่ก็มีต่อบอลสวยๆให้เห็นบ้าง แต่ยังน้อยเกินไปอาจจะต้องกลับไปทบทวนเป็นการบ้านเพื่อให้การถ่ายบอลไปสู่การจบสกอร์คมกว่านี้

อาเดรียน กับ ลูกกลางอากาศ

ผู้รักษาประตู หนึ่งในสถานการณ์ที่ไม่ชอบเลยก็คือ การออกไปตัดบอลลูกเปิดเข้ามาจากด้านข้าง หรือ ด้านหน้า อาเดรียนเองก็เช่นกัน หลายครั้งเราดูเหมือนขาดความมั่นใจในการออกไปตัดบอล ทำให้เสียจังหวะไปเอง หรือ พอบอลตกไปเข้าทางฝ่ายตรงข้ามจนนำมาสู่การเสียประตู การบ้านข้อนี้ก็คือต้องติวการออกไปตัดบอลมากกว่านี้ไม่งั้นเสียประตูแบบไม่ได้ลุ้นอีกเยอะ

พื้นที่ UCL อันดุเดือด ที่อิตาลี

พื้นที่ UCL อันดุเดือด ที่อิตาลี

 

ตอนนี้ฟุตบอลกัลโช่ อิตาลีได้บทสรุปแรกกันไปแล้ว นั่นก็คือ การได้แชมป์สคูเด็ตโต้ครั้งแรกในรอบเกือบสิบปีของอินเตอร์ มิลาน การกลับมาอีกครั้งของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของอินเตอร์ มิลานสร้างความแตกต่างได้มากจริงๆ อย่างไรก็ตามเราขอแสดงความยินดีด้วย แต่ว่าที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้เป็นเรื่องการแย่งพื้นที่ UCL อันดุเดือดที่อิตาลี

ผู้ท้าชิง ห้าทีม สมหวังได้แค่สาม

หากตัด อินเตอร์ มิลาน ที่ได้แชมป์ไปแล้วออกไป ตอนนี้โควต้า UCL ก็จะเหลือเพียงแค่สามทีมเท่านั้นที่จะเข้ารอบได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า หากมองคร่าวๆทีมที่เป็นไปได้ในการจะแย่งชิงพื้นที่ตรงนี้มีมากถึงห้าทีมด้วยกันได้แก่อันดับสองถึงหก ไล่ตามลำดับก็จะมี อตาลันตา, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน , นาโปลี และ ลาซิโอ้ จากห้าทีมนี้จะมีคนสมหวังเพียงแค่สาม และอกหักอีกสอง

คะแนนเบียดบี้กัน

ที่ว่าดุเดือดนั้น ประการแรกเลย ทีมที่ลุ้นพื้นที่ตรงนี้ยังมีคะแนนใกล้เคียงกันมาก อย่างอันดับที่ สอง สาม สี่ (อตาลันตา, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน) ทั้งสามทีมมีคะแนนเท่ากันที่ 69 คะแนน จากทั้งหมด 34 เกม ส่วนนาโปลีตามมาอันดับที่ 5 แข่งไป 34 เกม มีอยู่ 67 คะแนน ห่างจากพื้นที่ 2 คะแนน อันดับที่ 6 แข่ง 33 เกม มี 64 คะแนน (หากเก็บเกมตกค้างได้สามแต้มก็จะมีคะแนนเป็น 67 คะแนน บดบี้กันเข้าไปอีก) เรียกว่าช่องว่างแบบนี้ใครพลาดก่อนอาจจะหลุดวงโคจรได้เลย

โปรแกรมเจอกันเอง

ยังไม่หมด ตอนนี้ลีคกัลโช่ ยังเหลือเกมแข่งทีมละ 4 เกม ทีนี้ หากมองตรงนี้ นาโปลี กับ ลาซิโอ้ แม้ว่าอยู่อันดับ 5 และ แต่โปรแกรมเป็นใจมากที่สุด เพราะว่าเค้ามีแต่โปรแกรมที่ได้เตะกับทีมที่แทบจะหมดลุ้นไปหมดแล้ว แถมยังไม่ได้เป็นทีมที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วยเกมเลยไม่น่าจะยาก แต่นอกนั้นจะมีเกมเจอกันเองในกลุ่มพื้นที่ อย่าง อตาลันตาจะเจอกับ เอซีมิลานในเกมสุดท้าย ยูเวนตุส ต้องเจอกับ เอซีมิลาน และ อินเตอร์ มิลาน ที่น่าจะเป็นงานยากมาก เอซีมิลาน เจอกับ ยูเวนตุส กับ อตาลันต้า หากการเจอกันเองจบลงด้วยการเสมอ โอกาสของ นาโปลี และ ลาซิโอ้ ขึ้นไปแทรกก็มีเยอะเหมือนกัน ต้องมาดูกันว่าใครจะหลุดวงโคจรไปก่อน

 

ตระกูลเกลเซอร์ ความไม่เข้ากันของฟุตบอล

ตระกูลเกลเซอร์ ความไม่เข้ากันของฟุตบอล

ตระกูลเกลเซอร์ ความไม่เข้ากันของฟุตบอล

ตอนที่มีฟุตบอลอังกฤษ ได้มีการแห่เข้ามาเทคโอเวอร์สของเหล่าบิลเลียนแนร์เศรษฐีมีเงินทั่วโลกที่มองว่า ฟุตบอลอังกฤษ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีค กลายเป็นสิ่งของที่ทำเงินได้ เสริมภาพลักษณ์ให้กับพวกเค้าได้ รวมถึงการทำการตลาดสินค้าก็ทำได้ด้วย มีหลายคนมองว่า การเข้ามาของกลุ่มทุนเหล่านั้นจะทำลายรากเหง้าวัฒนธรรมสโมสรเนื่องจากพวกเค้าไม่ได้รู้จักสโมสรอย่างแท้จริง เป็นคนละวัฒนธรรมกัน บัดนี้เรื่องที่หลายคนกังวลเกิดขึ้นแล้วกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกแฟนบอลประท้วงไปเมื่อวันก่อน ต้องยอมรับว่า ตระกูลเกลเซอร์ ไม่เข้าใจวัฒนธรรมฟุตบอลอังกฤษเลย

วัฒนธรรม

คำสั้นๆที่เรามองว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็คือ วัฒนธรรม ต้องยอมรับว่า ตระกูลเกลเซอร์ มาจากฝั่งอเมริกัน ที่นั่นเรื่องกีฬาพวกเค้าก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ความคลั่งไคล้ ความชื่นชอบ ทั้งการเล่น การชม การเชียร์ การแช่ง และการแทง ก็มีเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า แนวคิดเรื่องกีฬาของเค้า กับ กีฬาฟุตบอลยุโรปแตกต่างกันมาก ไม่ต้องพูดถึง ฟุตบอลในอเมริกาหรือซอคเกอร์ นั้นเพิ่งจะมาบูมตอนไปจัดฟุตบอลโลกปี 1994 เท่านั้นเอง ดังนั้นวัฒนธรรมบริบท การมองกีฬาฟุตบอลมันแตกต่างกันมาก จนทำให้แนวคิดแตกต่างกันไปด้วย

มองเป็นเพียงแหล่งรายได้

สอง พอแนวคิดแตกต่างกันมันยังไม่พอ อีกหนึ่งข้อที่ตอกย้ำว่า ตระกูลเกลเซอร์ ไม่เข้ากันกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีคเลยก็คือ เค้ามองว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเพียงแค่แหล่งรายได้เท่านั้นเอง ไม่ได้ทำทีมจากความรัก และแพสชั่นที่มีของตัวเองที่มีต่อสโมสร เมื่อมองเป็นเพียงแหล่งรายได้ สิ่งที่ต้องการไม่ได้ทำทีมให้ได้อยู่จุดสูงสุด แต่ต้องการทีมที่ทำกำไร ทำเงินให้กับพวกเค้ามากที่สุดต่างหาก

บริหารไม่เป็น

จากข้อสอง นั่นทำให้การบริหารทีมฟุตบอลของเค้าไม่เหมือนกับทีมอื่น พวกเค้าบริหารทีมแบบเน้นกำไร เน้นเงินเป็นหลัก ไม่ได้เน้นผลงานในสนาม เลยทำให้การดึงคนที่จะมาทำงานด้านฟุตบอลแทบไม่มีเลย การดึงเอ็ด วู้ดเวิร์ด มาทำงานฟุตบอล ทั้งที่เป็นนักธุรกิจก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า บริหารทีมฟุตบอลไม่เป็น แม้ว่าเค้าจะเคยบริหารทีมกีฬาชื่อดังอย่าง แทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ในอเมริกามาก็ตาม แต่บอกเลยว่ามันคนละบริบทแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็ต้องมาดูกันว่ ความไม่เข้ากันแบบนี้จะไปจบอย่างไร รู้แต่จบไม่สวยแน่นอน

ลิเวอร์พูล กับการมองหากองหลังคนใหม่(ไม่ง่าย)

ลิเวอร์พูล กับการมองหากองหลังคนใหม่(ไม่ง่าย)

ลิเวอร์พูล กับการมองหากองหลังคนใหม่(ไม่ง่าย)

ทันทีที่พวกเค้าต้องเห็น เวอร์กิล ฟานไดค์ ออกจากสนามในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ตั้งแต่ยังไม่ถึง 30 นาทีดี บอกเลยว่าแฟน เดอะค็อป อาจจะยังไม่กังวลอะไรเท่าไร แต่พอข่าวออกมายืนยันเท่านั้นถึงอาการบาดเจ็บระดับรุนแรงที่หมดสิทธิ์เล่นในซีซั่นนี้ได้เลย เท่ากับว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลต้องมองหากองหลังคนใหม่เข้าสู่ทีมแบบไม่มีทางเลือก แต่ว่าการจะหานั้นไม่ง่ายแน่นอน

ตลาดหน้าหนาว ซื้อยาก

ตลาดซื้อขายพรีเมียร์ลีค พวกเค้าจะไม่ระบบการซื้อฉุกเฉินเหมือนที่ลาลีก้าเคยทำ(ตอนนี้ก็เลิกแล้วเหมือนกัน) นั่นทำให้พวกเค้ากว่าจะซื้อนักเตะได้ต้องรอถึงตลาดหน้าหนาวโน่นเลย ซึ่งอย่างที่เรารู้กันการซื้อนักเตะในตลาดหน้าหนาวเป็นอะไรที่ยากมากเนื่องจากแต่ละทีม ก็ไม่อยากจะปล่อยนักเตะออกไปยกเว้นนักเตะขอย้าย หรือ จะหมดสัญญากับทีมในหน้าร้อนต้องปล่อยไปแบบกลัวจะเสียเงินฟรี ซึ่งการเสียเซนเตอร์แบ็คตัวหลักอาจจะต้องดึงตัวที่ดีมาหน่อย แล้วชั่วโมงนี้ถามว่าเซนเตอร์แบ็คตัวหลักทีมไหนใครจะปล่อยออกมา แม้ว่านักเตะจะอยากมาแต่ทีมคงไม่ปล่อยกันง่ายๆ

ยังไงต้องซื้อ โดนโก่ง

การซื้อนักเตะ ลิเวอร์พูล เป็นทีมใหญ่ ยังไงก็โดนโก่งค่าตัวอยู่แล้วเป็นธรรมดา แล้วยิ่งในสถานการณ์แบบนี้บอกเลยว่าลิเวอร์พูลตกเป็นรองในทุกการเจรจาเนื่องจากพวกเค้าต้องการนักเตะมาจริงๆ นั่นทำให้ราคานักเตะโดนโก่งขึ้นไปอีก 2-3 เท่าได้เลย บอกตามตรงว่า นักเตะที่ลิเวอร์พูลจะซื้อเข้ามากองหลังที่แบบแกะกล่องใช้งานได้เลย อย่างน้อยก็ต้อง 50-60 ล้านปอนด์ ในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ การจะซื้อนักเตะราคาดังกล่าวยังไงก็ต้องคิดหนัก

ซื้อแล้วต้องลุ้นอีก

ทีนี้การซื้อนักเตะของ คล็อปป์ ส่วนใหญ่ซื้อมาแล้วต้องฟูมฟักกันสักหน่อยให้เข้าใจวิถีการทำงานของ คล็อปป์ บวกกับซึมซับวัฒนธรรมสโมสร กว่าจะเก่งอาจจะต้องใช้เวลา มีเพียงแค่ดีลของ ธิอาโก้ ล่าสุดที่เข้ามาแล้วใช้งานได้เลย ทีนี้ตำแหน่งกองหลังจะหาแบบนั้นได้ยากมาก แม้จะซื้อนักเตะที่ฟอร์มดีอยู่ก่อนมาก็จริงต้องมาลุ้นกันอีกว่าจะดีพอหรือไม่ ก็ต้องดูว่า ลิเวอร์พูล จะลงตลาดด้วยราคาเท่าไร

พรีเมียร์ลีค ครึ่งซีซั่นผ่านไปมีประเด็นอะไรบ้าง

พรีเมียร์ลีค ครึ่งซีซั่นผ่านไปมีประเด็นอะไรบ้าง

พรีเมียร์ลีค ครึ่งซีซั่นผ่านไปมีประเด็นอะไรบ้าง

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในโลกของฟุตบอล สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีค แม้ว่าจะเริ่มต้นได้อย่างทุลักทุเล มีปัญหาต้องแก้ไขกันตลอด แต่สุดท้ายตอนนี้พรีเมียร์ลีคก็เดินทางผ่านมาได้จนถึงครึ่งซีซั่นแล้ว เรามาย้อนกลับไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้างในครึ่งทางนี้

โควิท 19 ทำเลื่อนเกมแข่ง

แน่นอนว่าปัจจัยที่ทำให้ การแข่งขันพรีเมียร์ลีคซีซั่นนี้ไม่เหมือนเดิมก็คือ โควิท 19 ที่ตอนนี้ทำให้เกิดผลกระทบมากมายเห็นได้ชัดเรื่องหนึ่งเลยก็คือ โปรแกรมการแข่งขันที่เลื่อนจนวุ่นวายไปหมด หลายสัปดาห์จะเกิดสถานการณ์งดแข่งจากสถานการณ์คนในทีมมีการติดเชื้อ นั่นทำให้โปรแกรมยังค้างเติ่งอีกเยอะเลย ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบต่อไปยังครึ่งซีซั่นหลังอย่างแน่นอน ต้องดูว่า ทางพรีเมียร์ลีค จะยัดโปรแกรมทั้งหมดลงไปอย่างไร เพื่อให้จบทันเวลา ไม่งั้นจะกระทบต่อฟุตบอลทีมชาติอย่าง ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ที่รอคอยอยู่ปลายซีซั่น

VAR เจ้าปัญหา(อีกแล้ว)

พรีเมียร์ลีคกับ VAR กลายเป็นปัญหาใหญ่มากทีเดียว เดิมที เค้าเอา VAR มาใช้เพื่อลดปัญหา แต่กลายเป็นว่าลดปัญหานั้น เพื่อสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมอีก ซีซั่นนี้เปลี่ยนวิธีการตัดสินให้ผู้ตัดสินในสนามเป็นคนตัดสินใจเองจากภาพ VAR ที่เค้าได้ดู ทีนี้มันก็เลยกลายเป็นการตัดสินที่ค้านสายตาเหมือนเดิม หลายทีมเสียประโยชน์จากการตัดสิน VAR เยอะมาก ก็ต้องมาดูว่า ครึ่งซีซั่นหลัง ทางพรีเมียร์ลีคจะตัดสินใจอย่างไรกับการใช้ VAR

การขับเคี่ยวที่สูสีมาก

สิ่งที่ทำให้ผู้จัดพรีเมียร์ลีคและ FA ยิ้มออกเลยก็คือ เรื่องการแข่งขันพรีเมียร์ลีค ซีซั่นนี้มีความสูสีกันสูงมาก มากที่สุดในรอบหลายซีซั่นด้วยซ้ำ ทีมอันดับที่ 1 อย่างแมนยู มีแต้มห่างจากอันดับ 7 อย่างเวสต์แฮม เพียงแค่ 8 คะแนนเท่านั้นเอง ยังไม่นับอันดับที่ 2-6 ที่คะแนนขี่กันมาก จนทำให้การแข่งขันแต่ละนัดจะมีผลต่ออันดับตารางคะแนนที่ต้องใช้คำว่า พลิกผัน ได้เลยทีเดียว เมื่อมันสูสีขนาดนี้ทำให้เกมการแข่งขันเข้มข้นมาก แฟนบอลก็ติดตามด้วยใจระทึก ผู้จัดก็ยิ้มเลยกับค่าลิขสิทธิ์ที่น่าจะเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก

สตีเว่น เจอร์ราด เหมาะกับใครในพรีเมียร์ลีค

สตีเว่น เจอร์ราด เหมาะกับใครในพรีเมียร์ลีค

สตีเว่น เจอร์ราด เหมาะกับใครในพรีเมียร์ลีค

ต้องบอกว่าตอนนี้อีกหนึ่งกุนซือในรุ่นเดียวกับ แลมพ์, โอเล่, อาร์เตต้า ที่ทำผลงานได้ดีมากก็คือ สตีเว่น เจอร์ราด ตำนานของหงส์แดงที่เค้าได้ไปคุม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส อยู่ในลีคสก็อต ต้องบอกเลยว่ามันไม่ง่ายเลยนะสำหรับงานนี้อย่าลืมว่า เรนเจอร์ โดนปรับตกชั้นไปในเรื่องของการเงิน เจอร์ราดเข้าไปนี่แทบจะต้องฟื้นขึ้นมาจากความตายเลยว่างั้น จากความสำเร็จในการพลิกฟื้นดังกล่าว เลยทำให้ เค้าเหมือนพร้อมจะก้าวต่อไปในสถานีลูกหนังพรีเมียร์ลีคแล้ว ถ้าหากเราตัดลิเวอร์พูลที่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักออกไป เจอร์ราด ควรไปไหนดี

ฟูแล่ม

หากเค้าคิดจะอยู่ในพรีเมียร์ลีค การหาจังหวะพาทีมรอดตายในฐานะทีมโซนตกชั้นอย่าง ฟูแล่ม ก็น่าสนใจ อย่าลืมว่าตอนนี้ฟูแล่ม น่าจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมเร็วๆนี้ สกอต ปาร์คเกอร์ ไม่น่าจะไหว หากเจอร์ราด เข้าไปคุม ฟูแล่มแทน แล้วสามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ ถือว่าได้เครดิตชิ้นใหญ่ก่อนคุมทีมใหญ่ได้เลยนะ

นิวคาสเซิ่ล

หลังจากฝันหวาน ฝันค้างเรื่องเทคโอเวอร์ไป ตอนนี้ นิวคาสเซิ่ล ก็อยู่ในสภาพดีมั่ง ไม่ดีมั่ง มองไม่เห็นเลยว่าทีมจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเดินหน้าต่อเพื่อยกระดับทีม หรือ จะเล่นเพื่อไม่ให้ตกชั้น รอคนอื่นมาซื้อดี ดังนั้นการเข้ามาของ เจอร์ราด จะทำให้ทีมยกระดับขึ้นไปอย่างแน่นอน ถ้าหากทำทีมลุ้นไปพื้นที่ยุโรปอย่างถ้วยยูโรป้าได้ ถือว่าประสบความสำเร็จนะ

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

อีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจ แม้ว่าตอนนี้ฟอร์มจะดี แต่รูปแบบการเล่นของ เดวิด มอยส์ นั้นดูออกง่ายเกินไป บอลไดเรกต์ โยนยาวตรงๆแบบนี้ หากเป็นในสถานการณ์ปกติที่นักเตะฟิตกว่านี้ บอกเลยว่าโดนดักได้หมด ไม่ง่ายแบบนี้ แต่ว่าถ้า มอยส์ เด้งออกไป พวกเค้าอาจจะเลือก เจอร์ราด เข้ามายกระดับทีมให้สูงขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ ถ้าเจอร์ราดทำได้ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเครดิตสำคัญก่อนขึ้นคุมทีมใหญ่ด้วยเหมือนกัน ว่าแต่จะมีใครกล้าลองหรือไม่

นักเตะแมนยูที่ยังไม่ได้ลงสนาม

นักเตะแมนยูที่ยังไม่ได้ลงสนาม

นักเตะแมนยูที่ยังไม่ได้ลงสนาม

ตอนนี้แมนยูกำลังเดินทางเข้าสู่เกมการแข่งขันลีคนัดที่ 8 กำลังเข้าสู่ช่วง หนึ่งในสามของทั้งหมดในซีซั่นนี้ ตอนนี้แมนยูยังต้องเจอกับโปรแกรมที่ทั้งโหด และถี่มาก ต้องเตะ สองนัดต่อสัปดาห์ไปอีกหลายสัปดาห์เลยทำให้โซลชาร์ไม่มีทางเลือกต้องโรเตชั่นนักเตะเพื่อกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสการลงสนามให้กับนักเตะ แต่ว่าก็มีนักเตะอีกหลายคนที่ตั้งแต่เปิดซีซั่นมาพวกเค้ายังไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลยมีใครกันบ้าง

ฟิล โจนส์

คนแรกเป็นกองหลังอีกคนหนึ่งที่จะบอกว่าตำนานก็ได้ หรือไม่ใช่ก็ได้เหมือนกัน ฟิล โจนส์ เป็นนักเตะกองหลังที่เหลือเพียงไม่กี่คนที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคก่อนเลย แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บที่เข้ามารบกวนตลอดเวลา แต่เรื่องความภักดีเค้าไม่เป็นรองใครในทีม น่าเสียดายว่าอาการบาดเจ็บที่บ่อยทำให้เค้าไปไม่สุด แม้ว่าตอนนี้จะไม่เจ็บ แต่ฟอร์มไม่ดีจนหลุดตัวจริงยาวๆเลย แถมดูยังไงก็ยากจะสอดแทรกลงสนามได้

เซร์คิโอ โรเมโร่

การมาของ ดีน เฮนเดอร์สัน แน่นอนว่าแฟนผีหลายคนอาจจะชื่นชอบ ชื่นชม ในการตัดสินใจของเจ้าตัวที่ไม่ออกจากทีมกลับมาแย่งมือหนึ่ง เดเคอา แต่การกลับมาของเค้า เท่ากับเป็นการผลัก โรเมโร่ ให้กลายเป็นมือสามโดยสมบูรณ์ ซึ่งมันน่าสงสารมาก ฝีมือของเค้าเป็นมือหนึ่งทีมไหนในโลกได้สบาย ยังไม่นับเป็นมือหนึ่งทีมชาติอีก แต่ว่าตอนนี้สถานภาพของเค้าไม่ดีเลย จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะขอย้ายทีมเร็วๆนี้ ซึ่งทีมก็ควรทำตามนั้นด้วยเพื่อตอบแทนความภักดีของเค้า

เจสซี่ ลินการ์ด

หมายเลข 14 ของทีม ที่แม้จะเป็นลูกหม้อของทีมโดยตรงแต่ว่าแฟนบอลสนับสนุนน้อยมาก มีแต่เสียงก่นด่าให้ไล่ไปให้ไว ต้องยอมรับว่า การพัฒนาของเจ้าตัวเหมือนหยุดอยู่แค่นี้ เรามองว่าเค้าคงทำได้ดีสุดแค่นี้ บวกกับตอนนี้มิดฟิลด์ล้นทีม แต่ละคนก็ฟอร์มดีในแบบของตัวเอง เลยไม่เหลือที่ว่างให้เค้าลงสนามอีกเลยตั้งแต่เปิดซีซั่นมา

ธิอาโก้ สิ่งที่แตกต่างของลิเวอร์พูล

ธิอาโก้ สิ่งที่แตกต่างของลิเวอร์พูล

ธิอาโก้ สิ่งที่แตกต่างของลิเวอร์พูล

เกมที่ลิเวอร์พูลแพ้ให้กับเลสเตอร์ไป 3-1 ต้องยอมรับว่าอะไรๆหลายอย่างมันไม่เข้าทางกันเลยทีเดียว ไหนจะอาการบาดเจ็บของ เจมส์ มิลเนอร์ จุด VAR ตัดสิน และการเล่นผิดพลาดส่วนบุคคล แต่ว่าหนึ่งในจุดที่เราเห็นชัดเลยว่าไม่เข้ากันมากก็คือ การลงสนามของ ธิอาโก้ อัลคาทาร่า ทำให้เราเห็นเลยว่า เค้ายังไม่ใช่คำตอบจริงๆ

การครองบอลที่นานเกินไป

การลงมาของ ธิอาโก้ ในเกมนี้ ไม่ได้ลงสนามมาเพื่อแก้แท็คติค แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากอาการบาดเจ็บของ มิลเนอร์ ทำให้วิธีการเล่นต้องปรับตามตัวที่ลงด้วย ทีนี้วิธีการเล่นของเค้ามันดีมาก แต่การครองบอลนานเกินไปทำให้จังหวะการบุกของลิเวอร์พูลเสียเวลาไปเยอะ นั่นทำให้การขึ้นเกมช้าแล้วโดนอีกฝ่ายลงมาเซ็ตกองหลังได้เร็ว ก็ทำให้เล่นได้ยากมากขึ้น

จ่ายบอลดี แต่เหมือนผิดไลน์

ธิอาโก้ ลงมาเพื่อจะครองบอล และ จ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาส ป้ายไปซ้ายขวา หรือ ทะลุกลางแนวรับ เพื่อให้สามตัวบนวิ่งทำทางให้เข้าทำประตู แต่ว่าการจ่ายบอลของเค้ามันดีมาก แต่เหมือนไม่ได้อ่านกลุ่มไลน์เกมบุกของลิเวอร์พูลเท่าไร ทำให้หลายครั้งจ่ายไปแล้วกลับกลายเป็นเสียเปรียบ เพื่อนเล่นต่อไม่ได้จนโดนแย่งบอลมาโดนบุกกลับอีก

โดนรุมสองเอาไม่รอด

ในเกมนี้ เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามมาเพื่อเอาตัวรอด และจ่ายบอลง่ายๆเร็ว เพื่อทำเกมบุกขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง พอเป็น ธิอาโก้ ลงมา กลายเป็นช้าจนโดนทางเลสเตอร์เข้ารุมสองตลอด เอ็นดิดี้ และ เตเลมัน ต่างก็เข้ารุมแย่งแบบไม่ให้ ธิอาโก้ ได้พักและออกบอลได้เลย ผลก็กลายเป็นอย่างที่เห็น เจ้าตัวเหมือนกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนทำให้การเล่นเกมบุกเสียจังหวะมาก รวมถึงเกมรับด้วย เพราะการโดนสวนตอนทีมตั้งไลน์จะบุกนั่นทำให้ต้องรีบกลับมาประจำการเกมรับ ด้วยควาไม่พร้อม จนกลายเป็นเสียประตู ชัดเจนสุดก็ประตูที่สาม เห็นชัดเลยว่าออกมาตามที่ว่าเป๊ะ ก็ต้องมาดูว่าเกมต่อไปจะแก้ไขกันได้อย่างไร

เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

สำหรับวิถีของผู้จัดการทีมฟุตบอลระดับสูง สมัยนี้ต้องบอกว่าการทำงานยากขึ้นมา เนื่องจากแต่ละซีซั่นจะต้องมีความสำเร็จในรูปแบบจับต้องได้อย่างถ้วยรางวัลเป็นต้น จริงอยู่ว่า ถ้วยแชมป์ลีคเป็นสิ่งที่พวกเค้าต้องตั้งธงไว้แต่แรก แต่รองลงมาจากนั้นฟุตบอลถ้วย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยเซฟเก้าอี้เค้าได้ด้วยเหมือนกัน ตอนนี้แมนยูกับความหวังถ้วยเอฟเอคัพดูจะเป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของโซลชาร์ไปแล้ว

เอฟเอคัพ ถ้วยเซฟเก้าอี้
แม้ว่าตอนนี้โซลชาร์ จะโดนด่าอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่จะช่วยเซฟเค้าไว้ได้ก็คือรางวัลและอันดับในลีคอันเหมาะสม มองจากสถานการณ์ตอนนี้ ถ้วยเอฟเอคัพ ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด แม้จะยังยากก็ตาม อย่างตอนนี้เค้าจะได้บุกไปเยือน ทรานเมียร์ ทีมจะระดับต่ำกว่า แน่นอนว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่หากเค้าผ่านเข้ารอบไปได้ ผสมกับดวงอีกนิดหน่อย การเดินทางไปถึงรอบลึกกว่านี้ก็ไม่น่ายากเท่าไร

เจอทีมใหญ่ในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับสถานการณ์ตอนนี้แชมป์ลีคเลิกหวังไปได้นานแล้ว และคงอีกนานกว่าจะได้ แต่หากมีดวงช่วยหน่อย โซลชาร์ อาจจะไปเจอกลุ่มทีมใหญ่ด้วยกันอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , สเปอร์ส หรือ อาร์เซนอล ในช่วงรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือ รอบรองชนะเลิศ ถ้าเจอตอนนั้น แต่ละทีมต้องวัดใจกันแล้วว่าจะเอาเต็มที่ไหมในถ้วยนี้ หากพวกเค้าจัดไม่เต็มสูบ แต่แมนยูจัดเต็มสูบก็อาจจะผ่านไปได้แบบอาศัยพลังดวงบวกสิบแต้มเข้าช่วยเหลือ

ถ้วยรางวัลคือคำตอบ
หากโซลชาร์ต้องการจะอยู่คุมทีมในโอล์ดแทรฟเฟิร์ดต่อไป ถ้วยเอฟเอคัพ เปรียบเสมือนด้ายเส้นเดียวที่เค้าต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ หากโซลชาร์ขึ้นไปถึงแชมป์ได้ รับรองว่าเสียงแฟนบอลโห่ไล่น่าจะเงียบลงไปเยอะมาก อย่าลืมว่าแฟนบอลอังกฤษให้ความสำคัญกับถ้วยเอฟเอคัพมากรองจากถ้วยแชมป์ลีคเลยทีเดียว ส่วนถ้วยยูโรป้าลีค บอกตามตรงแม้จะมีข้อดีเรื่องการขึ้นไปเล่น UCL ฤดูกาลหน้าได้ แต่หนทางดูมืดมนกว่าเยอะ เอฟเอคัพ พอได้ลุ้นสุดล่ะชั่วโมงนี้