เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

เอฟเอคัพ ถ้วยสุดท้ายแห่งความหวังของโซลชาร์

สำหรับวิถีของผู้จัดการทีมฟุตบอลระดับสูง สมัยนี้ต้องบอกว่าการทำงานยากขึ้นมา เนื่องจากแต่ละซีซั่นจะต้องมีความสำเร็จในรูปแบบจับต้องได้อย่างถ้วยรางวัลเป็นต้น จริงอยู่ว่า ถ้วยแชมป์ลีคเป็นสิ่งที่พวกเค้าต้องตั้งธงไว้แต่แรก แต่รองลงมาจากนั้นฟุตบอลถ้วย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยเซฟเก้าอี้เค้าได้ด้วยเหมือนกัน ตอนนี้แมนยูกับความหวังถ้วยเอฟเอคัพดูจะเป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของโซลชาร์ไปแล้ว

เอฟเอคัพ ถ้วยเซฟเก้าอี้
แม้ว่าตอนนี้โซลชาร์ จะโดนด่าอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่จะช่วยเซฟเค้าไว้ได้ก็คือรางวัลและอันดับในลีคอันเหมาะสม มองจากสถานการณ์ตอนนี้ ถ้วยเอฟเอคัพ ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด แม้จะยังยากก็ตาม อย่างตอนนี้เค้าจะได้บุกไปเยือน ทรานเมียร์ ทีมจะระดับต่ำกว่า แน่นอนว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่หากเค้าผ่านเข้ารอบไปได้ ผสมกับดวงอีกนิดหน่อย การเดินทางไปถึงรอบลึกกว่านี้ก็ไม่น่ายากเท่าไร

เจอทีมใหญ่ในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับสถานการณ์ตอนนี้แชมป์ลีคเลิกหวังไปได้นานแล้ว และคงอีกนานกว่าจะได้ แต่หากมีดวงช่วยหน่อย โซลชาร์ อาจจะไปเจอกลุ่มทีมใหญ่ด้วยกันอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , สเปอร์ส หรือ อาร์เซนอล ในช่วงรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือ รอบรองชนะเลิศ ถ้าเจอตอนนั้น แต่ละทีมต้องวัดใจกันแล้วว่าจะเอาเต็มที่ไหมในถ้วยนี้ หากพวกเค้าจัดไม่เต็มสูบ แต่แมนยูจัดเต็มสูบก็อาจจะผ่านไปได้แบบอาศัยพลังดวงบวกสิบแต้มเข้าช่วยเหลือ

ถ้วยรางวัลคือคำตอบ
หากโซลชาร์ต้องการจะอยู่คุมทีมในโอล์ดแทรฟเฟิร์ดต่อไป ถ้วยเอฟเอคัพ เปรียบเสมือนด้ายเส้นเดียวที่เค้าต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ หากโซลชาร์ขึ้นไปถึงแชมป์ได้ รับรองว่าเสียงแฟนบอลโห่ไล่น่าจะเงียบลงไปเยอะมาก อย่าลืมว่าแฟนบอลอังกฤษให้ความสำคัญกับถ้วยเอฟเอคัพมากรองจากถ้วยแชมป์ลีคเลยทีเดียว ส่วนถ้วยยูโรป้าลีค บอกตามตรงแม้จะมีข้อดีเรื่องการขึ้นไปเล่น UCL ฤดูกาลหน้าได้ แต่หนทางดูมืดมนกว่าเยอะ เอฟเอคัพ พอได้ลุ้นสุดล่ะชั่วโมงนี้

ส่องเสื้อแข่งผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ส่องเสื้อแข่งผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ส่องเสื้อแข่งผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีรายได้สูงมากจากเรื่องของแบรนด์ ภาพลักษณ์จนทำให้มีสปอนเซอร์มากมาย อีกหนึ่งรายได้หลักของพวกเค้าเป็นเรื่องของเสื้อแข่ง ที่ได้จากฐานแฟนคลับทั่วโลก เรามาดูกันว่าซีซั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดม่านนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำชุดเสื้อแข่งออกมาอย่างไร
ชุดเหย้า
ว่ากันที่ชุดเหย้าก่อน เดิมทีจะเป็นสีแดงตลอด ซีซั่นนี้ก็เช่นกัน เสื้อแข่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาในธีมสีแดงก่อน แต่มีลายกราฟฟิคซ่อนอยู่ เป็นลายเส้นสีเหลือง สีขาว สีดำ เป็นเส้นเล็กๆตัดไปมา ตรงกลางเป็นสปอนเซอร์เชฟโรเลต ด้านบนจะเป็นตราโลโก้สโมสรด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง อาดิดาส เลยขึ้นไปจะเป็นคอกลมจัมพ์ด้วยยางขอบแดง ส่วนไหล่จะเป็นแถบ 3 ขีดตามสเต็ปของอาดิดาส ส่วนแขนด้านหนึ่งเป็นสปอนเซอร์ ด้านหลังปล่อยโล่งโชว์ลายผ้าเหมือนด้านหน้า กางเกงจะเป็นสีขาว แล้วแทบด้านข้าง 3 ขีดแบบอาดิดาสแต่เป็นสีแดงลายเดียวกับเสื้อ ถุงเท้าเป็นสีดำแล้วมีการเดินด้ายสีเหลือง สีแดง สลับตัดไปมาพอให้เห็นรางๆ พื้นถุงเท้าสีขาว
ชุดเยือน
ส่วนชุดเยือนจะมาในธีมสีดำ แต่เหมือนกับชุดเหย้าเลย ก็คือเนื้อผ้าจะมีลวดลายกราฟฟิคเหมือนลายพราง สปอนเซอร์สีเดิม ส่วนโลโก้บนหน้าอกจะเป็นธีมสีดำขาว มีแทบบนไหล่เหมือนชุดเหย้า คอจัมพ์แถบสีดำ ส่วนแขนจะมีการจัมพ์ตรงปลายด้วยแถบสีดำเหมือนจัมพ์คอ ด้านหลังปล่อยลายผ้าตามเดิม กางเกงมาในธีมสีดำ แทรกด้วยแถบด้านข้างสีขาวแบบอาดิดาส ถุงเท้าจะเป็นสีดำแต่ไม่เข้มมาก มีรอยขีดตรงบริเวณพับขา มีคำว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ตรา อาดิดาส อยู่ที่น่อง สำหรับชุดเยือน ผู้รักษาประตูจะใส่เสื้อสีเหลือง
ชุดสาม
มาถึงชุดที่สามต้องบอกว่า เรียกเสียงโห่จากแฟนบอลได้เยอะเลย แม้แต่แฟนแมนยูยังบอกเลยว่า คิดได้ไง เสื้อชุดสามมาในธีมขาวดำลายพรางเหมือนกับม้าลาย ที่บอกว่ามันงง เพราะว่าหากเราแบ่งเสื้อตามแนวยาวลายเสื้อจะเป็นลายทางที่มีขนาดไม่เท่ากันของแทบ และ ช่องว่าง ถึง 3 ส่วน บอกเลยว่าตาลายมาก ไม่แปลกที่โดนแซวเยอะ

เอเด็น อาซาร์ เค้ากลับมาแล้ว

เอเด็น อาซาร์ เค้ากลับมาแล้ว

เอเด็น อาซาร์
นักเตะในตำแหน่งกองกลาง เพลย์เมกเกอร์ ตอนนี้ในตลาดมีผู้เล่นเก่งๆผุดขึ้นมากมาย ไหนจะดาวรุ่งที่รอแจ้งเกิดอีกเยอะ ทำให้นักเตะในตำแหน่งนี้หลายคนที่เคยโดนโฟกัส กลับกลายเป็นแข้งถูกลืมไป อย่าง เอเด็น อาซาร์ แข้งจอมเจ็บที่ย้ายไปอยู่รีล มาดริด ที่เจ็บจนลืมหน้ากันแล้ว มาตอนนี้ต้องใช้คำว่า ข้ากลับมาแล้ว
อาการบาดเจ็บของ อาซาร์
ในเรื่องของฝีเท้าต้องบอกว่า อาซาร์ ในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ เค้าไม่เป็นสองรองใคร แต่การย้ายไป รีล มาดริด ในซีซั่นแรกนี้ดูเหมือนเค้าจะไปเพื่อนอนเล่นในห้องพยาบาลมากกว่าสนามฟุตบอล เค้าเจ็บบ่อยมาก ครั้งสุดท้ายเราเห็นเค้าในสนามก็เดือนกุมภาพันธ์ เกมนั้นแพ้เลบันเต้ 0-1 แต่เค้าต้องให้คนพยุงออกจากสนาม บาดเจ็บจนกระดูกข้อเท้าแตก ส่อแววพักยาวเป็นครึ่งปีด้วยซ้ำไป ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามซีซั่นแรกของเค้ากับ รีล มาดริดแล้วว่าดีหรือแย่
การพักฟื้นร่างกาย
จากอาการบาดเจ็บดังกล่าว ทำให้อาซาร์ ต้องพักฟื้นร่างกายนานเลย ทีนี้การพักฟื้นนานทำให้เค้าไม่ได้ดูแลตัวเองหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เจ้าตัวมีภาพหลุดออกมาว่า พุงพลุ้ยมาก น้ำหนักดูเกินตัวไปเยอะเลย จนแฟนบอลตกใจและคิดว่าเค้าจะกลับมาได้หรือเปล่า
แต่จากอาการบาดเจ็บที่ยาวนานหากเป็นช่วงเวลาปกติ เค้าคงปิดเทอมไปก่อนเพื่อน แต่พอลีคได้เลื่อนเวลาออกไปจากสถานการณ์โควิท 19 ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเค้าหายเกือบจะปกติแล้ว แถมยังกลับมาลงซ้อม รีดน้ำหนักที่เคยเป็นส่วนเกินออกไปหมดแล้วด้วย ยังไม่หมด การได้พักฟื้นอย่างเต็มที่บวกกับช่วงโควิท 19 ทำให้ทีมแพทย์ไม่ได้เร่งให้เค้ากลับมาลงสนาม นั่นทำให้เค้าหายสนิทจริงๆ บวกกับความกระหายในการเล่นที่สะสมอยู่ในตัว ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวซ้อมฟุตบอลด้วยความมุ่งมั่นมาก จนเราพูดได้ว่า เค้ากลับมาแล้ว น่าสนใจว่าเกมแรกที่กลับมาเตะ รีล มาดริดจะส่งนักเตะคนนี้ลงสนามเลยหรือไม่

ฟาติห์ เต็กเก้ ถูกยกให้เป็นนักเตะที่คิดเร็ว ทำเร็ว มากเกินไป

ฟาติห์ เต็กเก้ ถูกยกให้เป็นนักเตะที่คิดเร็ว ทำเร็ว มากเกินไป

สำหรับ เท็กซอน สปอร์ แล้ว สตาร์สามรายที่เป็นเสมือนหัวใจของสโมสรคือ ก็อคเดนิช คาราเดนิช อิบราฮิม ยัตตาร่า และ ฟาติห์ เต็กเก้ ทั้งหมด ถูกขนานามให้เป็น “สามเหลี่ยม”เบอร์มิวดา คาราเดนิชยัตตาร่า และเต็กเก้ช่วยกันขับเคลื่อน แทร็บซอนสเปอร์จนกลายเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกเติร์ก เต็กเก้ ถูกยกให้เป็นนักเตะที่คิดเร็ว ทำเร็ว มากเกินไปรวมทั้งยังมีสัญชาติญาณนักล่าโดยธรรมชาติอีกด้วย เขามีความสามารถที่เหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่อยู่ในกรอบเขตโทษ เซนอล กูเนส อดีตโค้ชทีมชาติตุรกีที่ผันตัวเองมาทำงานในระดับสโมสรกับ แทร็บซอน สปอร์ เอ่ย
“กองหน้าหลายต่อหลายคน ต้องสะดุดเมื่อเจอกับการประกบติดกองหลังคู่ต่อสู้ แต่ พาติห์ไม่เลยเขาสามารถสลัดหนีตัวประกบได้อย่างเยี่ยมยอด” แม้หลายครั้งที่ สตาร์วัย 27 ปี ซึ่งย้ายมาจาก กาเซียนเตปสปอร์ มาอยู่กับ แทร็บซอนสปอร์ เมื่อซัมเอร์ปี 2002 มักจะโดนวิจารณ์ แต่เขาก็จะโต้ตอบกลับไปด้วยการพังประตูเสมอฯ ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของ เต็กเก้ ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของ เต็กเก้ ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของสโมสรขณะเดียวกัน เออร์กุน ยานาล เทรนเนอร์ เออร์กุนกูหวังที่จะปั้นให้ เต็กเก้ เป็นตัวตายตัวแทน ของกองหน้าผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อทำไปแล้วสามประตู ในการเล่นศึก เวิลด์ คัพ 2006 รอบคัดเลือก สามนัด หลังจากเจ็ดปีให้หลังจากที่ลงประเดิมสนามให้กับทีมชาติตุรกี ในที่สุดแล้ว เต็กเก้ ก็สามารถสลัดตัวเองออกมาจากมุมมืดได้สำเร็จ

ภาคต่อแห่งความฝันของ อลัน เชียเรอร์

ภาคต่อแห่งความฝันของ อลัน เชียเรอร์

อลัน เชียเรอร์
อลัน เชียเรอร์

เมื่อครั้งวัยเด็ก ฝันของอลัน เชียร์เรอร์ ก็เหมือนกับเด็กชาวจอร์ตี้ธรรมดาๆทั่วๆไป นั่นคือการเป็นนักเตะรับใช้สโมสรบ้านเกิดนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยามใดที่เขาไม่ได้ลงเล่นให้ทีมเยาวชนนิวคลาสเซิ่ล, วอลล์เซนด์บอยส์ คลับ หรือแครมลิงตัน จูเนียร์ส สถานที่แห่งเดียวที่เขาชอบไปเป็นประจำคือเซนต์ เจมส์ ปาร์ก เพื่อชมนักเตะขวัญใจ เควิน คีแกน ลงเตะให้ทีม เดอะ แม็กพายส์แมวมองจากสโมสรต่างๆในฟุตบอลลีก ผลัดเปลี่ยนมาปรากฎตัวเพื่อดูขาลงสนาม แต่ชื่อของอลัน เชียเรอร์ ก็ไม่ได้เตะตาเหมือนดาวรุ่งบางคน มีเพียงแมนเซสเตอร์ ซิตี้ และเวสต์บรอมวิช เท่านั้นที่แสดงท่าทีสนใจขณะที่นิวคลาสเซิ่ลทีมรักของเขาไม่ได้สนใจมากนัก นอกจากการปล่อยให้เขาทดสอบฝีเท้าในตำแหน่งผู้รักษาประตู

ทว่าการสูญเสียของทีมบ้านเกิดกลายเป็นกำไรของทีมเล็กๆ อย่างเซาแธมป์ตัน ที่หยิบยื่นโอกาสให้เชียเรอร์ได้แจ้งเกิดบนเส้นทางค้าแข้ง จนกลายเป็นยอดยาวยิงในตำนานดังเช่นปัจจุบัน เมือ่อายุ 13 ฝีเท้าของเขาเกิดเตะตา จอร์น ฮิกกสัน แมวมองระดับเซียนขของเซาแธมป์ตัน กระทั่งเชียเรอร์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเรียนในสังกัดของสโมสรเดอะ เซนต์ส ในปีถัดมา

มาร์คุส โรเซนเบิร์ก คว้าแชมป์ลีกสวีเดน ร่วมกับสโมสรฮาล์มสตัด

มาร์คุส โรเซนเบิร์ก คว้าแชมป์ลีกสวีเดน ร่วมกับสโมสรฮาล์มสตัด

มาร์คุส โรเซนเบิร์ก
มาร์คุส โรเซนเบิร์ก

            ไม่เพียงแต่มาร์คุส โรเซนเบิร์กจะคว้าแชมป์ลีกสวีเดน ร่วมกับสโมสรฮาล์มสตัด แล้ว โดรเซนเบิร์ก ยังเป็นเจ้าของดาวซัลโซสูงสุดประจำลีกด้วยจำนวนประตู 14 เม็ด

นอกจากนี้ในการเล่นระดับชาติ โรเซนเบิร์ก ก็สามารถสร้างชื่อได้ทันที ในการลงประเดิมสนามนัดแรก ให้กับสวีเดน เมื่อพังประตูได้ทันทีในเกมอุ่นเครื่องกับเกาหลี ที่ลอสเองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา

การที่ โรเซนเบิร์ก ลุกจากม้านั่งสำรองแล้วลงมาตะบันประตูให้ไวกิ้ง ตีเสมอพลังโสมได้ สร้างความประทับอกประทับใจ รวมทั้งสร้างความอบอุ่นให้กับ ลาร์ส ลาเกอร์บัค กุนชือทีมชาติสวีเดนเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองหน้าอันดับหนึ่งอย่าง เฮนริคลาร์สสัน จาก บาร์เซโลน่า ได้รับบาดเจ็บจนต้องหยุดพักแข้งตลอดทั้งฤดูกาล ขณะที่ แม็ทเธียส สเวนส์สัน ฟอร์มบู่กับ นอริช ซิตี้ ส่วน มาร์คุส อัลบัค ก็ยังฝึกอยู่ที่ ฮันซ่า รอสต็อค ส่งผลให้ทีมชาติสวีเดน มีแนวร่วมในแนวรุกน้อยมาก

จึงไม่แปลกที่ ลาร์เกอร์บัค จะมีแผนการจับ โรเซนเบิร์ก ไปยืนล่าตาข่ายคู่กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของยูเวนตุส

โรเซนเบิร์ก วัย 22 ปัจจุบันย้ายไปเล่นให้กับต้นสังกัดแรกอย่างมัลโม หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างเยี่ยมยอดตลอดช่วงเวลาที่โดน ฮาล์สตัดยืมไปใช้งาน ด้วยการยิงประตูอย่างเป็นกอบเป็นกำ และโชว์เทคนิคลูกเล่นแพรวพราวต่างๆ ออกมาเป็นระยะๆ

แต่คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นมากของ โรเซนเบิร์ก คือความไม่เห็นแก่ตัว เขาพร้อมจ่ายบอลให้เพื่อนที่มีโอกาสทำประตูดีกว่าอย่างไม่ลังเล ซึ่งนี้คือการเล่นเอทีมอย่างแท้จริง

มอร์แกน เด ซานติส “ปราการด่านสุดท้ายแห่งอูดิเนเซ่”

มอร์แกน เด ซานติส “ปราการด่านสุดท้ายแห่งอูดิเนเซ่”

มอร์แกน เด ซานติส
มอร์แกน เด ซานติส

การทุ่มเทซ้อมหนักอันนี้แน่นอน ผมไม่เคยทำเล่นๆ ผมทุ่มเทและเอาจริงเอาจังเสมอ นอกจากนั้นผลการแข่งขันที่ดีของอูดิเนเซ่ ในช่วงปีหลังๆก็มีส่วนช่วยไม่น้อย มันเป็นผลงานที่ผลักดันให้เรากล้าเล่น หลายคนมีผลงานที่ดีขึ้น หนึ่งในนั้นรวมถึงตัวผมด้วย

มันเป็นช่วงเวลาที่งดงามมาก ความรู้สึกของ มอร์แกน เด ซานติส ตอนอายุ 17 ปี มันแตกต่างจากตอนที่เป็นผู้ใหญ่ที่โตเต็มตัว หลายสิ่งหลายอย่างเหลือเชื่อ ผมเองก็เป็นคนโชคดีไม่น้อย แม้บางที่จะมีช่วงเวลาแย่ๆ เข้ามาบ้างเหมือนกันก็ตาม

ก็ใช่ ผมเซฟมาหลายลูกแต่นานแล้วเหมือนกันนะ ที่ผมพุ่งหาบอลไม่เจอเลย

ผมกำลังพูดถึงช่วงเวลาตอนที่ผมอายุราว 20 ปี ยูเวนตุส ดึงผมไปร่วมทีม เป็นเวลาร่วมสองปีที่ผมจำใจต้องนั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ จากนั้นผมก็เลือกย้ายมา อูดิเนเซ่ พร้อมกับความหวังที่จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ผมก็ต้องมานั่งเป็นสำรองอีกสองปีเต็ม ก่อนที่โอกาสที่แท้จริงจะมาถึง มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสับสน ทั้งวุ่นวาย ผมได้แต่นั่งมองเพื่อนร่วมรุ่นที่โตขึ้นมาไล่ๆกันจากชุดเยาวชนได้ลงเป็นตัวจริง ได้ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ แต่ประสบการณ์ช่วงนั้น มันช่วยให้ผมเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

หลายคนมีส่วนช่วยและผมก็อยากจะกล่าวขอบคุณพวกเขาเหล่านี้ เป็นพิเศษเลยก็คือ มาริโน่ ผู้อำนวยการคนเก่าของ อูดิเนเซ่ ซึ่งคนที่คอยให้กำลังใจผมมาโดยตลอด ย้ำอยู่เสมอๆว่าผมคืออนาคตของ อูดิเนเซ่ มาถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่บอกว่าเขาพูดถูก

เปโดร โรดิเกรช คือตัวเลือกที่ลิเวอร์พูล ควรดึงมาเสริมทีม หากฤดูกาลหน้าหวังจะทำผลงานให้ดีขึ้น

เปโดร โรดิเกรช คือตัวเลือกที่ลิเวอร์พูล ควรดึงมาเสริมทีม หากฤดูกาลหน้าหวังจะทำผลงานให้ดีขึ้น

หากพูดถึงผลงานของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เบรนเดน ร็อดเจอร์ ในฤดูกาลนี้นั้น ไม่อาจจะปฏิเสธได้จริงๆว่าฤดูกาลนี้ ผลงานของลิเวอร์พูลนั้นเป็นผลงานที่ทำได้อย่างน่าผิดหวังไปหน่อยจริงๆ เพราะฤดูกาลนี้เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรติดมือได้เลย แถมยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาจบอันดับอยู่ในโซนท็อปโฟร์ได้อีกด้วย ทั้งๆที่ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาทำผลงานได้ดีคว้าถึงรองแชมป์ลีกได้ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเห็นได้ชัดว่า ฤดูกาลนี้ผลงานของลิเวอร์พูลนั้นเป็นผลงานที่น่าผิดหวังพอสมควรจริงๆนั่นเอง

และสำหรับผลงานของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ที่ทำได้อย่างน่าผิดหวังไปหน่อยนั้น ก็คงต้องบอกว่า ไม่อาจจะปฏิเสธได้จริงๆว่าสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นก็คือ เป็นเพราะการขาดกองหน้าตัวเก่งอย่างเจ้าหลุยส์ ซัวเรสไป บวกกับกองหน้าตัวใหม่ที่ซื้อเข้ามาทดแทนนั้น ไม่สามารถทดแทนกันได้อีกด้วย ก็เลยทำให้ส่งผลต่อเกมรุกและผลงานลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้แบบไม่อาจจะปฏิเสธได้ และด้วยเหตุนี้นั่นเองก็เลยทำให้คิดว่า หากฤดูกาลหน้าลิเวอร์พูลต้องการที่จะทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขาจะต้องทำหลังจากนี้นั่นก็คือ หากองหน้าหรือว่าแนวรุกตัวใหม่เพิ่ม และหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสำหรับลิเวอร์พูลก็คือ เจ้าเปโดร โรดิเกรช ปีกตัวเก่งของบาร์เซโลน่า ที่กำลังมีข่าวการย้ายทีมอยู่ด้วยนั่นเอง

สำหรับเหตุผลว่าทำไม เจ้าเปโดร โรดิเกรช เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับลิเวอร์พูล และเป็นตัวเลือกที่ลิเวอร์พูลควรดึงตัวมาเสริมทีมให้ได้นั้น นั่นก็เพราะว่า ด้วยสไตล์การเล่นและฝีเท้าของเจ้า เปโดร โรดิเกรช นั้นน่าจะตอบสนองความต้องการของลิเวอร์พูล และเพิ่มความดุดันให้กับทีมได้นั่นเอง นั่นก็เพราะเจ้า เปโดร โรดิเกรช นั้นเป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งกองหน้าและปีก ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องการจบสกอร์เป็นอย่างมาก เลยมองว่าจุดนี้เขาน่าจะเข้ามาช่วยทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลในฤดูกาลหน้า ดุดันขึ้นได้อย่างแน่นอน อีกทั้งมองว่า สไตล์การเล่นของเจ้า เปโดร โรดิเกรช นั้นน่าจะเข้ากับระบบการเล่นของลิเวอร์พูลได้ดีอีกด้วย บวกกับเจ้าเปโดร โรดิเกรช เองนั้นอยากได้โอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง เลยเชื่อว่าหากลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอไป มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะได้ตัวเขามาแน่นอน แถมราคาก็ไม่น่าจะแพงมากด้วย เลยทำให้มองว่า เปโดร โรดิเกรช นั้นคือตัวเลือกที่ลิเวอร์พูลควรดึงมาเสริมทีมให้ได้ เพราะเขาจะตอบสนองความต้องการของทีมได้ดีแน่นอนนั่นเอง

แม้ฤดูกาลนี้ อันเช ล็อตติไม่สามารถพาทีมมีแชมป์อะไรติดมือได้เลย รีลมาดริดก็ควรให้โอกาสเขาต่อไป!

แม้ฤดูกาลนี้ อันเช ล็อตติไม่สามารถพาทีมมีแชมป์อะไรติดมือได้เลย รีลมาดริดก็ควรให้โอกาสเขาต่อไป!

อันเช ล็อตติ
อันเช ล็อตติ

ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า หลังจากที่ทางรีลมาดริดไม่สามารถผ่านรองชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกฤดูกาลนี้ได้นั้น หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือ คาร์โล อันเช ล็อตตินั่นเอง นั่นก็เพราะว่าดูเหมือนการที่ฤดูกาลนี้ คาร์โล อันเช ล็อตติ นั้นไม่สามารถพาทีมรีลมาดริดคว้าแชมป์อะไรติดมือได้เลยนั้น ทำให้หลายๆคนเชื่อว่า โอกาสที่คาร์โล อันเช ล็อตติ อาจจะโดนเด้งพ้นจากตำแหน่งกุนซือของทีมรีลมาดริดนั้น มีโอกาสเป็นไปได้สูงนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหากพูดถึงความน่าจะเป็นแล้วนั้น ต้องบอกว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงจริงๆ ที่คาร์โล อันเช ล็อตติ อาจจะไม่ได้ไปต่อกับรีลมาดริดในฤดูกาลหน้า เพราะว่าสำหรับรีลมาดริดนั้น จัดว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่ค่อนข้างปลดกุนซือของทีมบ่อยทีมนึงเลยหากว่า กุนซือไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้เลยให้กับทีมได้ ดังนั้นเลยเชื่อว่า คาร์โล อันเช ล็อตติ เองนั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงแน่นอนที่เขาอาจจะโดนปลดหลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางรีลมาดริดนั้นจะให้โอกาสกับคาร์โล อันเช ล็อตติ คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้ารึเปล่า แต่ทว่าสำหรับโดยส่วนตัวแล้ว มองว่า รีลมาดริดควรให้โอกาสเขา คุมทีมต่อไป

สำหรับเหตุผลว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น นั่นก็เพราะมองว่า จริงๆแล้วผลงานโดยรวมของคาร์โล อันเช ล็อตติ กับรีลมาดริดในฤดูกาลนี้นั้น ก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไรนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งรายการยุโรปที่สามารถพาทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ส่วนในลีกก็ตามหลังคะแนนจ่าฝูงอย่างบาร์เซโลน่าไม่กี่คะแนนเท่านั้น และที่สำคัญเลยก็คือ หากรีลมาดริดปลดเขาออก แล้วใครคือตัวเลือกต่อไปที่เหมาะจะมาคุมทีมต่อไป ซึ่งในตอนนี้ ความน่าจะเป็นไปได้ก็มีเพียงแค่ เจอร์เก้น คล็อป และราฟา เบนิเตชเท่านั้น เลยคิดว่า รีลมาดริดควรน่าจะให้โอกาสกับคาร์โล อันเช ล็อตติ ต่อไปน่าจะดีกว่า อย่างน้อยๆเขาก็ทำทีมเป็นปีที่สองแล้ว ระบบทีมที่เขาวางไว้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่าต้องมาเริ่มใหม่กับกุนซือคนใหม่อีก เพราะเชื่อว่าถ้าให้โอกาสกับคาร์โล อันเช ล็อตติต่อไป ฤดูกาลหน้าเขาน่าจะกลับมาพาทีมรีลมาดริดทำผลงานได้ดีอีกครั้งแน่นอน.

ถ้าดอร์ทมุนอยากกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในฤดูกาลหน้า สิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปต้องทำคือ หากองหน้าตัวใหม่

ถ้าดอร์ทมุนอยากกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในฤดูกาลหน้า สิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปต้องทำคือ หากองหน้าตัวใหม่

เจอร์เก้น คล็อป
เจอร์เก้น คล็อป

เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหากถามว่าทีมใดที่ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ค่อนข้างน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก และยังถือว่ามีผลงานที่ค่อนข้างผิดฟอร์มไปพอสมควรเลยนั้น ไม่อาจจะปฏิเสธได้แน่นอนว่าสำหรับทีมเสือเหลือง โปรเซียดอร์ทมุนของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปนั้น คือหนึ่งในทีมที่กล่าวถึงแน่นอน เพราะสำหรับผลงานของพวกเขาในฤดูกาลนี้นั้น ก็น่าจะพอเป็นตัวยืนยันได้แล้วว่า ทำไมถึงยกให้ทีมดอร์ทมุนของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปนั้นคือหนึ่งในทีมที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังที่สุดทีมนึง เพราะจะเห็นได้ว่าในฤดูกาลนี้ พวกเขาเป็นได้แค่ทีมกลางตารางเท่านั้น แถมยังเคยต้องหนีตกชั้นมาแล้วด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเป็นถึงทีมลุ้นแชมป์อยู่ในโซนหัวตารางของลีกบุนเดสลีกานั่นเอง

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของฟอร์มและผลงานในฤดูกาลนี้ ของทีมเสือเหลือดอร์ทมุนที่ตกต่ำอย่างน่าใจหายเหลือเกินนั้น แท้จริงแล้วมันเกิดเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ เอาเป็นว่าสำหรับเป้าหมายที่เหลือในฤดูกาลนี้นั้น เจอร์เก้น คล็อปคงต้องพยายามเก็บคะแนนในส่วนที่เหลือของการแข่งขันให้ได้มากที่สุดเอาไว้ก่อน และพยายามรักษาอันดับไม่ได้กลับไปอยู่ในโซนหนีตกชั้นให้ได้ แล้วฤดูกาลหน้าค่อยว่ากันใหม่ด้วยการไปปรับทีมใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเจอร์เก้น คล็อปนั้นต้องเริ่มจากการ หากองหน้าตัวใหม่ที่เก่งในเรื่องการผลิตสกอร์มาเพิ่มอีกซักคนเป็นสิ่งแรก

นั่นก็เพราะว่า ถ้าดูจากฟอร์มและผลงานที่ผ่านมาของดอร์ทมุนในฤดูกาลนี้แล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่า หนึ่งในปัญหาที่เห็นชัดที่สุดเลยก็คือ พวกเขาขาดกองหน้าตัวที่คอยช่วยทีมในเรื่องการผลิตสกอร์ที่ดี เพราะว่าพอกองหน้าไม่สามารถผลิตสกอร์ให้กับทีมได้ดีเท่าที่ควรได้ ก็เลยทำให้โอกาสที่ทีมจะเก็บชัยชนะหรือว่า เก็บคะแนนสำคัญนั้น ก็มีโอกาสลดลงไปด้วย โดยเห็นได้ชัดจากตัวเลขจำนวนประตูที่พวกเขายิงได้จากที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่า พวกเขายิงประตูได้น้อยมากหากเทียบกับทีมในโซนหัวตารางแล้ว ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ซึ่งน่าจะบ่งบอกถึงประสิทธิของแนวรุกในแดนหน้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเลยคิดว่า หากฤดูกาลหน้าเจอร์เก้น คล็อปต้องการที่จะพาทีมดอร์ทมุนกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งนั้น เขาควรจะหากองหน้าตัวใหม่ฝีเท้าดีๆเข้ามาเพิ่มอีกซักคน เพราะว่าที่มีอยู่นั้นไม่มีใครสามารถตอบสนองความต้องการของทีมแทนกองหน้าตัวเก่าอย่างเจ้า โรเบิร์ต เลวานรอฟกี้ที่ย้ายออกไปได้เลยนั่นเอง

และไม่เพียงแต่ในส่วนของกองหน้าเท่านั้น ที่เจอร์เก้น คล็อปจะต้องหาเพิ่มเข้ามาใหม่ หากต้องการทำผลงานในฤดูกาลหน้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของแนวรับเองนั้น เจอร์เก้น คล็อปก็ต้องปรับใหม่ให้ดีขึ้นด้วย เพราะนอกจากแนวรุกจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแล้ว ในส่วนของแนวรับเองนั้นก็แทบไม่ต่างกัน ดังนั้นสิ่งแรกที่เจอร์เก้นต้องทำเพื่อให้ทีมกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในฤดูกาลหน้า นั่นก็คือ การหากองหน้าตัวใหม่และปรับแนวรับให้ดีขึ้นนั่นเอง.