สเปนคว้าแชมป์ยูโร 2024 หลังเฉือนชนะอังกฤษ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ

สเปนคว้าแชมป์ยูโร 2024 หลังเฉือนชนะอังกฤษ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ

สเปน สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูโรเป็นสมัยที่ 4 หลังเอาชน ะอังกฤษ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย นิโก้ วิลเลียมส์ (Nico Williams) ทำประตูให้ สเปน ขึ้นนำในนาทีที่ 47 ก่อนที่ โคล พาล์มเมอร์ (Cole Palmer) ตัวสำรองของ อังกฤษ จะยิงตีเสมอในนาทีที่ 67 แต่สุดท้าย มิเกล โอยาร์ซาบัล (Mikel Oyarzabal) ทำประตูชัยให้ สเปน ในนาทีที่ 86 ส่งผลให้ อังกฤษ ต้องพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน

การควบคุมเกมของ สเปน

สเปน แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นในการครองบอลและสร้างแรงกดดันตลอดทั้งเกม แม้จะเสีย โรดรี้ (Rodrigo) กองกลางตัวเก่งไปตั้งแต่ครึ่งแรก แต่พวกเขาก็ยังสามารถเปิดสกอร์ได้อย่างรวดเร็วในครึ่งหลัง จากจังหวะที่ ลามีน ยามาล (Lamine Yamal) วัย 16 ปี สร้างสรรค์โอกาสให้กับ นิโก้ วิลเลียมส์ ยิงเข้าประตู

การตอบโต้ของ อังกฤษ

อังกฤษ พยายามกลับมาในเกมหลังจากเสียประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) ตัดสินใจเปลี่ยนตัว แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) กัปตันทีมที่ทำผลงานได้ไม่ดีนักออก และส่ง โคล พาล์มเมอร์ (Cole Palmer) ลงสนาม ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เมื่อ พาล์มเมอร์ สามารถยิงประตูตีเสมอได้อย่างสวยงามจากการจ่ายบอลของ จูด เบลลิงแฮม (Jude William)

จุดเปลี่ยนสำคัญของเกม

แม้ว่า อังกฤษ จะดูเหมือนจะได้แรงฮึดหลังจากตีเสมอได้ แต่สเปนก็ยังคงกดดันต่อเนื่อง โดย จอร์แดน พิคฟอร์ด (Jordan Pickford) ผู้รักษาประตูของ อังกฤษ ต้องเซฟลูกยิงของ ยามาล อย่างยอดเยี่ยมถึงสองครั้งในครึ่งหลัง อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาเหลืออีกเพียง 4 นาที มิเกล โอยาร์ซาบาล ก็สามารถยิงประตูชัยให้กับ สเปน ได้สำเร็จ จากการครอสของ มาร์ค คูคูเรยา (Marc Cucurella)
อังกฤษ พยายามที่จะตีเสมออีกครั้งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดย เดคลาน ไรซ์ (Declan Rice) มีโอกาสยิงจากลูกเตะมุม แต่ อูไน ซิมอน (Unai Simón) ผู้รักษาประตูของ สเปน ก็สามารถป้องกันไว้ได้ และถึงแม้ว่า มาร์ก กุเอฮี (Marc Guehi) จะโหม่งบอลเข้าไปใกล้เส้นประตู แต่ ดานี่ โอลโม่ (Daniel Olmo) ก็สามารถเคลียร์บอลออกไปได้ทัน ทำให้สุดท้ายแล้ว สเปน ก็รักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้จนจบเกม

ผลกระทบต่ออนาคตของทีมชาติ อังกฤษ

การพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ทำให้ อังกฤษ ต้องรอคอยถ้วยรางวัลใหญ่ต่อไปอีก โดยเมื่อถึงฟุตบอลโลก 2026 พวกเขาจะไม่ได้คว้าแชมป์รายการใหญ่มาแล้วถึง 60 ปี ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอล อังกฤษ เป็นอย่างมาก

อนาคตของ แกเร็ธ เซาธ์เกต

หลังจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ มีคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของ แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) ในฐานะผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ แม้ว่าเขาจะทำผลงานได้ดีในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของทีมชาติ อังกฤษในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่การพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศครั้งที่สองติดต่อกันอาจทำให้เขาต้องทบทวนอนาคตของตัวเอง

ความคิดเห็นของผู้เล่น

เดคลาน ไรซ์ กล่าวหลังจบเกมว่า “เรารักผู้จัดการทีม แต่มันเป็นการตัดสินใจของเขา (ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่) ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ มันขึ้นอยู่กับเขา เขาจะไปคิดทบทวนเอง แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนแค่รู้สึกเจ็บปวด การแพ้ในรอบชิงชนะเลิศมันเจ็บปวดที่สุดแล้ว เราทำได้ดีมากที่กลับมาตีเสมอได้ แต่เราไม่สามารถใช้แรงผลักดันนั้นให้เป็นประโยชน์ได้ เราไม่สามารถรักษาบอลไว้ได้ดีพอและถูกลงโทษ มันเจ็บปวดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการแข่งขันฟุตบอล”
สรุปแล้ว การแข่งขัน ยูโร 2024 จบลงด้วยชัยชนะของสเปน ในขณะที่ อังกฤษ ต้องเผชิญกับความผิดหวังอีกครั้ง การพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทีมชาติ อังกฤษ ทั้งในแง่ของผู้เล่นและทีมงานผู้ฝึกสอน แฟนบอลอังกฤษคงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ทีมรักของพวกเขาจะสามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้เมื่อไหร่

สำหรับผู้ที่สนใจในการ สมัครเว็บบอล เพื่อติดตามและร่วมสนุกกับการแข่งขันฟุตบอลที่น่าตื่นเต้นแบบนี้ อย่าลืมตรวจสอบเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้การ สมัครเว็บบอล ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวและโอกาสในการเข้าร่วมเดิมพันกับทีมที่คุณชื่นชอบ

โอลโม่,ยามาล ฟอร์มแจ่ม ตัดเกรดนักเตะ สเปน ชนะ ฝรั่งเศส

โอลโม่,ยามาล ฟอร์มแจ่ม ตัดเกรดนักเตะ สเปน ชนะ ฝรั่งเศส

ในศึกยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศระหว่างทีมชาติ สเปน (Spain) กับทีมชาติ ฝรั่งเศส (France) ทีมชาติสเปนได้โชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสด้วยสกอร์ 2-1 โดยในเกมนี้มีผู้เล่นหลายคนที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะ ลามีน ยามาล และ ดานี่ โอลโม่ ที่ถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมชาติสเปนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ วันนี้เว็ป แทงบอลสโบเบต จะมาตัดเกรดผลงานนักของ ทีมชาติสเปน ให้ทุกคนได้ทราบ

ลามีน ยามาล (Lamine Yamal) : 8.5

ลามีน ยามาล เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในเกมนี้ โดยเขาทำประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับทีมชาติสเปนด้วยการซัดไกลสุดงาม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโรที่ยิงประตูได้ ฟอร์มของเขาในครึ่งแรกถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทุกครั้งที่ได้ครองบอลสามารถปั่นป่วนเกมรับของฝรั่งเศสได้ตลอดเวลา แม้ในครึ่งหลังฟอร์มจะดร็อปลงไปเล็กน้อยเนื่องจากทีมเน้นการรักษาสกอร์ แต่ผลงานโดยรวมของเขานับว่าน่าประทับใจมาก

ดานี่ โอลโม่ (Daniel Olmo) : 8.5

ดานี่ โอลโม่ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ทำผลงานได้โดดเด่นในเกมนี้ เขามีส่วนสำคัญกับการทำประตูชัยของทีม ด้วยการโชว์ทักษะเหนือชั้นในการกระดกบอลหลบแนวรับของฝรั่งเศส ก่อนที่จะซัดเต็มข้อบอลแฉลบ ชูลส์ กุนเด้ เข้าประตูไป นอกจากการทำประตูแล้ว โอลโม่ยังมีการครองบอลที่ดี และการผ่านบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญในเกมรุกของสเปน

อูไน ซิม่อน (Unai Simón) : 6.5

อูไน ซิม่อน ไม่สามารถป้องกันจังหวะเสียประตูแรกได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้เรื่อย ๆ โดยมีการยืนตำแหน่งที่ดีทำให้สามารถป้องกันลูกยิงของฝรั่งเศสได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังเล่นด้วยความนิ่งและมีวินัยในการทำหน้าที่ของตัวเอง

เฆซุส นาบาส (Jesús Navas) : 5.5

เฆซุส นาบาส แม้จะอายุ 38 ปี แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นเกม โดยการสู้กับ เอ็มบัปเป้ แต่ในช่วงต่อมาเขาไม่สามารถตัดบอลจาก เอ็มบัปเป้ ที่เปิดบอลให้ โกโล่ มูอานี่ ทำประตูนำ 1-0 หลังจากนั้น นาบาสก็โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์แนวรุกของฝรั่งเศส ก่อนที่จะบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออก

นาโช่ เฟร์นานเดซ (Nacho Fernández) : 6

นาโช่ เฟร์นานเดซ ต้องเจอกับความยากลำบากในการรับมือกับ โกโล่ มูอานี่ แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถเล่นได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และในครึ่งหลังต้องสู้กับ บาร์กโกล่า ที่ทั้งเร็วและแข็งแกร่ง แต่ก็ยังพอเอาตัวรอดมาได้

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ (Aymeric Laporte) : 6.5

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ พลาดท่าให้ โกโล่ มูอานี่ ขึ้นโขกทำประตูแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถระเบิดฟอร์มขึ้นมาได้ และเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในเกมรับ

มาร์ก กูกูเรย่า (Marc Cucurella) : 7

มาร์ก กูกูเรย่า สามารถสู้กับความรวดเร็วและคล่องตัวของ อุสมาน เดมเบเล่ ได้ดีเยี่ยม ทำให้ เดมเบเล่ ไม่สามารถเล่นได้ตามที่ต้องการ และยังทำเกมรุกได้โดดเด่นโดยวิ่งเติมเกมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ยังเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นและสกัดบอลแม่นยำ

โรดรี้ (Rodri) : 7.5

โรดรี้ ทำหน้าที่ในการเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และยังครองบอลเหนียวแน่น รวมทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำ ไม่มีอะไรให้ต้องตำหนิสำหรับการทำหน้าที่ของมิดฟิลด์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนี้

ฟาเบียน รุยซ์ (Fabián Ruiz) : 7

ฟาเบียน รุยซ์ มีโอกาสโหม่งทำประตูในช่วงต้นเกม แต่บทบาทในแดนกลางโดดเด่นมาก โดยเขาคอยเชื่อมเกมและคุมจังหวะการเล่น ทำให้แผงมิดฟิลด์ของสเปนเหนือกว่าฝรั่งเศส

อัลบาโร่ โมราต้า (Álvaro Morata) : 6

อัลบาโร่ โมราต้า แม้จะไม่ได้โดดเด่นในจังหวะเกมรุก แต่มีส่วนช่วยเกมรับของทีมเยอะมาก โดยพยายามลงไปเล่นลึก และหาจังหวะเปิดบอลยาวให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้ใช้ความเร็วเล่นงานเกมรับคู่แข่ง

นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (Nico Williams): 7

นิโก้ วิลเลี่ยมส์ อาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนหลาย ๆ เกมที่ผ่านมา แต่ความเร็วของเขายังเป็นอันตรายมาก โดยในช่วงต้นครึ่งหลังเขาโชว์สปีดฉีกหนี ชูลส์ กุนเด้ แต่ไม่น่าเสียดายที่ ไมค์ เมนญอง วิ่งออกมาตัดบอลได้ทัน

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนามก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ ดาเนียล บีเบียน ที่ลงมาช่วยทำให้เกมรับของสเปนแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วน มิเกล เมริโน่ และ มิเกล โอยาร์ซาบัล ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในการประสานงานในแดนกลางและแดนหน้า

 

ในภาพรวม ทีมชาติสเปนแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยมในการเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2024 ได้ในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป แทงบอลสโบเบ็ต เว็ปเก็บสถิติข้อมูลกีฬาชื่อดัง