ดร็อกบา ปกป้อง มูรินโญ่ หลังถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิว

ดร็อกบา ปกป้อง มูรินโญ่ หลังถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิว

ดิดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba) อดีตกองหน้าคนดังของเชลซี (Chelsea) ออกมาปกป้อง โชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) ผู้จัดการทีมเฟเนร์บาห์เช่ (Fenerbahce) หลังจากที่กาลาตาซาราย (Galatasaray) กล่าวหาว่า มูรินโญ่ มีพฤติกรรมเหยียดผิว หลังเกมการแข่งขันในศึกซูเปอร์ลีกตุรกี (Turkish Super Lig) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025

มูรินโญ่ ถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิวหลังเกมเสมอกาลาตาซาราย

หลังจากการแข่งขันที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ระหว่างเฟเนร์บาห์เช่ (Fenerbahce) และกาลาตาซาราย (Galatasaray) มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นเมื่อ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกม โดยกล่าวถึงม้านั่งสำรองของกาลาตาซารายว่า “กระโดดเหมือนลิง” (jumping like monkeys) ซึ่งทำให้สโมสรออกแถลงการณ์ประณามคำพูดของเขา และประกาศดำเนินคดีทางกฎหมายต่อสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) และสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (FIFA)

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการเหยียดเชื้อชาติจริงหรือไม่ แต่นำไปสู่การถกเถียงอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอล

ดร็อกบา (Didier Drogba) ออกโรงปกป้องอดีตกุนซือเชลซี 

ดิดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba) ซึ่งเคยเป็นศิษย์เก่าของ มูรินโญ่ สมัยค้าแข้งอยู่กับเชลซี (Chelsea) และเคยเล่นให้กับกาลาตาซาราย (Galatasaray) ในฤดูกาล 2013-14 ออกมาให้ความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า

“ผมภูมิใจที่เคยสวมเสื้อสีเหลือง-แดง และมีความรักต่อสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตุรกี!!”

“แต่สำหรับกรณีของ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) ขอให้ทุกคนรับฟังผม เพราะผมรู้จักเขามากว่า 25 ปี และผมมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนเหยียดผิว”

“ประวัติของเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่แบบนั้น พ่อของผม (มูรินโญ่) จะเป็นพวกเหยียดผิวได้อย่างไร? เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!”

ข้อความของดร็อกบาทำให้มีแฟนบอลจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและคัดค้าน

มูรินโญ่ เคยวิจารณ์ผู้ตัดสินตุรกีก่อนหน้านี้

ก่อนเกมระหว่างเฟเนร์บาห์เช่ (Fenerbahce) กับกาลาตาซาราย (Galatasaray) มูรินโญ่ เคยให้สัมภาษณ์โจมตีมาตรฐานผู้ตัดสินในตุรกีว่า “ถ้าต้องใช้กรรมการตุรกีตัดสิน เกมนี้จะกลายเป็นหายนะ” ซึ่งทำให้ทั้งสองสโมสรร้องขอให้ใช้กรรมการต่างชาติ และ สลาฟโก้ วินซิช (Slavko Vincic) จากสโลวีเนีย ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่

โชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) เป็นอดีตกุนซือของสโมสรดังหลายแห่ง รวมถึงเชลซี (Chelsea), แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United) และเรอัลมาดริด (Real Madrid) ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเฟเนร์บาห์เช่ (Fenerbahce) เมื่อเดือนมิถุนายน 2024

สรุปสถานการณ์ของ มูรินโญ่ ในตอนนี้

แม้จะยังไม่มีการลงโทษจาก UEFA หรือ FIFA ต่อ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) แต่กรณีนี้ยังคงเป็นที่จับตามองของวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกาลาตาซาราย (Galatasaray) ยืนยันจะดำเนินคดีทางกฎหมาย

สำหรับแฟนบอลของมูรินโญ่และเฟเนร์บาห์เช่ (Fenerbahce) คงต้องติดตามกันต่อไปว่าผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางอาชีพของกุนซือชาวโปรตุเกสรายนี้หรือไม่

หากคุณกำลังมองหาเว็บเดิมพันที่ดีที่สุด แทงบอลสโบเบต เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ระบบฝาก-ถอนของ แทงบอลสโบเบต รวดเร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่ายผ่านมือถือ

 

อูไน เอเมรี่: อัจฉริยะที่นำพาแอสตัน วิลล่า สู่ฝันยุโรป

อูไน เอเมรี่: อัจฉริยะที่นำพาแอสตัน วิลล่า สู่ฝันยุโรป

หลังจากหายไปจากการแข่งขันระดับสูงของยุโรปนานถึง 41 ปี ในที่สุดแอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ก็กลับมาอยู่บนเวทีใหญ่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และการกลับมาครั้งนี้เป็นไปอย่างน่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยภายใต้การคุมทีมของอูไน เอเมรี่ (Unai Emery) วิลล่าไม่เพียงแค่กลับมาเล่นในยุโรปเท่านั้น แต่ยังโชว์ฟอร์มการเล่นที่น่าจดจำอีกด้วย

ในค่ำคืนที่แฟนบอลวิลล่าระลึกถึงตำนานของสโมสรอย่างแกรี่ ชอว์ (Gary Shaw) ที่เพิ่งจากไป ทีมของเอเมรี่ได้สร้างผลงานที่น่าภาคภูมิใจเมื่อพวกเขาเอาชนะแชมป์สวิสอย่างยัง บอยส์ (Young Boys) ด้วยสกอร์ 3-0 ในกรุงแบร์น โดยนักเตะที่ทำประตูให้กับทีมคือยูริ ตีเลอมันส์ (Youri Tielemans), จาค็อบ แรมซี่ย์ (Jacob Ramsey) และอามาดู โอนาน่า (Amadou Onana)

ผลการแข่งขันนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของแอสตัน วิลล่า ที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใต้การนำของเอเมรี่ ที่นำทีมเข้าสู่ยุโรปได้อย่างน่าทึ่ง เอเมรี่เคยคว้าชัยชนะในยุโรปถึง 89 นัดตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมาก มีเพียงเป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) และโชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) เท่านั้นที่มีสถิติใกล้เคียงกับเขา

สตีเฟ่น วอร์น็อค (Stephen Warnock) อดีตกองหลังของแอสตัน วิลล่า ให้สัมภาษณ์กับ BBC Radio 5 Live ว่า “อูไน เอเมรี่เป็นอัจฉริยะ เมื่อคุณเข้าสู่แชมเปี้ยนส์ลีก คุณต้องการผู้จัดการทีมที่มีความยืดหยุ่น เข้าใจในแท็กติก และรู้วิธีปรับตัวในการแข่งขันอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขาและแอสตัน วิลล่าประสบความสำเร็จมากมาย เขายอดเยี่ยมจริงๆ”

แม้ว่าวิลล่าจะต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวให้เข้ากับสนามเทียมที่สตาดิโอน แวงค์ดอร์ฟ (Stadion Wankdorf) แต่หลังจากยูริ ตีเลอมันส์ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำแล้ว พวกเขาก็ไม่หันหลังกลับ และเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) สู่สนามวิลล่าพาร์ค (Villa Park) ในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของทั้งสองทีม หลังจากที่วิลล่าชนะในรอบชิงชนะเลิศปี 1982

การ แทงบอลสโบเบต เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดิมพันฟุตบอลออนไลน์ คุณสามารถวางเดิมพันได้หลากหลายรูปแบบเมื่อ แทงบอลสโบเบต ไม่ว่าจะเป็นบอลเต็งหรือบอลสเต็ป

เอเมรี่: ความสำเร็จที่มากกว่าการคุมทีม

อูไน เอเมรี่ได้อุทิศชัยชนะครั้งนี้ให้กับแกรี่ ชอว์และครอบครัวของเขา โดยกล่าวกับ TNT Sports ว่า “เราสานต่อการเดินทางในแชมเปี้ยนส์ลีกที่พวกเขาจบไว้เมื่อ 42 ปีที่แล้ว ชัยชนะครั้งนี้ขอมอบให้กับแกรี่ ชอว์และครอบครัวของเขา”

แม้จะเป็นเกมที่ยากลำบาก แต่ประสบการณ์จากการแข่งขันในยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก (Europa Conference League) เมื่อปีที่แล้วทำให้ทีมวิลล่ามีความพร้อม เอเมรี่กล่าวว่า “เรามีสมาธิเต็มที่ตลอด 90 นาที และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพสนามและคู่แข่งเสมอ”

เอเมรี่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่าในเดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งในขณะนั้นทีมอยู่ในอันดับที่ 16 ของพรีเมียร์ลีก แต่ด้วยการคุมทีมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เขานำทีมเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มของแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างที่น้อยคนจะคาดคิด

วิลล่ากลับมาสู่จุดสูงสุด

แฟนบอลแอสตัน วิลล่าหลายคนตื่นเต้นกับการกลับมาของทีมในการแข่งขันชั้นนำของยุโรป พอล (Paul) แฟนบอลตัวยงที่เดินทางมาพร้อมกับโทนี่ (Tony) และสก็อตต์ (Scott) บอกว่า “นี่คือความฝันของผมมานานมาก”

โทนี่เองก็เชื่อว่าภายใต้การนำของเอเมรี่ แอสตัน วิลล่าจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างแน่นอน เขากล่าวว่า “ถ้าคุณสามารถเก็บได้ 10 หรือ 11 แต้มจากเกมของคุณ คุณก็มีโอกาสผ่านเข้ารอบได้”

วิลล่ากำลังเติบโตและกลับมาสู่จุดที่พวกเขาควรอยู่ในวงการฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง

โอลโม่,ยามาล ฟอร์มแจ่ม ตัดเกรดนักเตะ สเปน ชนะ ฝรั่งเศส

โอลโม่,ยามาล ฟอร์มแจ่ม ตัดเกรดนักเตะ สเปน ชนะ ฝรั่งเศส

ในศึกยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศระหว่างทีมชาติ สเปน (Spain) กับทีมชาติ ฝรั่งเศส (France) ทีมชาติสเปนได้โชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสด้วยสกอร์ 2-1 โดยในเกมนี้มีผู้เล่นหลายคนที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะ ลามีน ยามาล และ ดานี่ โอลโม่ ที่ถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมชาติสเปนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ วันนี้เว็ป แทงบอลสโบเบต จะมาตัดเกรดผลงานนักของ ทีมชาติสเปน ให้ทุกคนได้ทราบ

ลามีน ยามาล (Lamine Yamal) : 8.5

ลามีน ยามาล เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในเกมนี้ โดยเขาทำประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับทีมชาติสเปนด้วยการซัดไกลสุดงาม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโรที่ยิงประตูได้ ฟอร์มของเขาในครึ่งแรกถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทุกครั้งที่ได้ครองบอลสามารถปั่นป่วนเกมรับของฝรั่งเศสได้ตลอดเวลา แม้ในครึ่งหลังฟอร์มจะดร็อปลงไปเล็กน้อยเนื่องจากทีมเน้นการรักษาสกอร์ แต่ผลงานโดยรวมของเขานับว่าน่าประทับใจมาก

ดานี่ โอลโม่ (Daniel Olmo) : 8.5

ดานี่ โอลโม่ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ทำผลงานได้โดดเด่นในเกมนี้ เขามีส่วนสำคัญกับการทำประตูชัยของทีม ด้วยการโชว์ทักษะเหนือชั้นในการกระดกบอลหลบแนวรับของฝรั่งเศส ก่อนที่จะซัดเต็มข้อบอลแฉลบ ชูลส์ กุนเด้ เข้าประตูไป นอกจากการทำประตูแล้ว โอลโม่ยังมีการครองบอลที่ดี และการผ่านบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญในเกมรุกของสเปน

อูไน ซิม่อน (Unai Simón) : 6.5

อูไน ซิม่อน ไม่สามารถป้องกันจังหวะเสียประตูแรกได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้เรื่อย ๆ โดยมีการยืนตำแหน่งที่ดีทำให้สามารถป้องกันลูกยิงของฝรั่งเศสได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังเล่นด้วยความนิ่งและมีวินัยในการทำหน้าที่ของตัวเอง

เฆซุส นาบาส (Jesús Navas) : 5.5

เฆซุส นาบาส แม้จะอายุ 38 ปี แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นเกม โดยการสู้กับ เอ็มบัปเป้ แต่ในช่วงต่อมาเขาไม่สามารถตัดบอลจาก เอ็มบัปเป้ ที่เปิดบอลให้ โกโล่ มูอานี่ ทำประตูนำ 1-0 หลังจากนั้น นาบาสก็โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์แนวรุกของฝรั่งเศส ก่อนที่จะบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออก

นาโช่ เฟร์นานเดซ (Nacho Fernández) : 6

นาโช่ เฟร์นานเดซ ต้องเจอกับความยากลำบากในการรับมือกับ โกโล่ มูอานี่ แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถเล่นได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และในครึ่งหลังต้องสู้กับ บาร์กโกล่า ที่ทั้งเร็วและแข็งแกร่ง แต่ก็ยังพอเอาตัวรอดมาได้

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ (Aymeric Laporte) : 6.5

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ พลาดท่าให้ โกโล่ มูอานี่ ขึ้นโขกทำประตูแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถระเบิดฟอร์มขึ้นมาได้ และเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในเกมรับ

มาร์ก กูกูเรย่า (Marc Cucurella) : 7

มาร์ก กูกูเรย่า สามารถสู้กับความรวดเร็วและคล่องตัวของ อุสมาน เดมเบเล่ ได้ดีเยี่ยม ทำให้ เดมเบเล่ ไม่สามารถเล่นได้ตามที่ต้องการ และยังทำเกมรุกได้โดดเด่นโดยวิ่งเติมเกมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ยังเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นและสกัดบอลแม่นยำ

โรดรี้ (Rodri) : 7.5

โรดรี้ ทำหน้าที่ในการเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และยังครองบอลเหนียวแน่น รวมทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำ ไม่มีอะไรให้ต้องตำหนิสำหรับการทำหน้าที่ของมิดฟิลด์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนี้

ฟาเบียน รุยซ์ (Fabián Ruiz) : 7

ฟาเบียน รุยซ์ มีโอกาสโหม่งทำประตูในช่วงต้นเกม แต่บทบาทในแดนกลางโดดเด่นมาก โดยเขาคอยเชื่อมเกมและคุมจังหวะการเล่น ทำให้แผงมิดฟิลด์ของสเปนเหนือกว่าฝรั่งเศส

อัลบาโร่ โมราต้า (Álvaro Morata) : 6

อัลบาโร่ โมราต้า แม้จะไม่ได้โดดเด่นในจังหวะเกมรุก แต่มีส่วนช่วยเกมรับของทีมเยอะมาก โดยพยายามลงไปเล่นลึก และหาจังหวะเปิดบอลยาวให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้ใช้ความเร็วเล่นงานเกมรับคู่แข่ง

นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (Nico Williams): 7

นิโก้ วิลเลี่ยมส์ อาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนหลาย ๆ เกมที่ผ่านมา แต่ความเร็วของเขายังเป็นอันตรายมาก โดยในช่วงต้นครึ่งหลังเขาโชว์สปีดฉีกหนี ชูลส์ กุนเด้ แต่ไม่น่าเสียดายที่ ไมค์ เมนญอง วิ่งออกมาตัดบอลได้ทัน

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนามก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ ดาเนียล บีเบียน ที่ลงมาช่วยทำให้เกมรับของสเปนแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วน มิเกล เมริโน่ และ มิเกล โอยาร์ซาบัล ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในการประสานงานในแดนกลางและแดนหน้า

 

ในภาพรวม ทีมชาติสเปนแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยมในการเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2024 ได้ในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป แทงบอลสโบเบ็ต เว็ปเก็บสถิติข้อมูลกีฬาชื่อดัง